เซ็นทรัล เปิดผลประกอบการไตรมาส 2/64 ทำรายได้แข็งแกร่ง 6.3 พันล้าน ย้ำครึ่งปีหลังเดินหน้า 3 โครงการมิกซ์ยูสต่อเนื่อง พร้อมกางโรดแมป 5 ปี เติบโตอย่างมั่นคง ลุยโครงการที่พักอาศัย-มิกซ์ยูส จ่อลงทุนมาเลเซีย-เวียดนาม พร้อมเปิดโอกาสมองหาธุรกิจใหม่เสริมพอร์ต
วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันยังคงมีปัจจัยลบยืดเยื้อจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 ต่อเนื่อง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำรายได้รวมอยู่ที่ 6,364 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,269 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันใน 2563 ที่อยู่ในช่วงล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
โดยเป็นผลมาจากการแนวทางการบริหารความเสี่ยง ดึงข้อได้เปรียบด้านการมีศูนย์การค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศมาใช้ ทำให้ศูนย์การค้าในต่างจังหวัดยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ
พร้อมเร่งพัฒนาการบริการรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า รวมไปถึงเปิดโอกาสและสร้างยอดขายให้ร้านค้าได้
ประกอบกับการบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดและควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รักษาระดับกระแสเงินสดและสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
โดยการปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อช่วยผลักดันยอดขายร้านค้าทุก Category และการพัฒนาบริการ และแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เช่าได้ครบทุกมิติ ทั้งในแง่ช่องทางการขาย การเข้าถึงลูกค้า และระบบฐานลูกค้า The1 และ แอปพลิเคชั่น The1 ที่จะเป็น CRM Tool ให้กับคู่ค้าได้อย่างครบวงจร
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการได้เดินหน้าเข้าซื้อหุ้น บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยขยายพอร์ต Super Regional Mall ของบริษัทเพิ่มเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา เพื่อเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรระดับโลกอย่างอิเกีย
รวมทั้งผนึกกำลังธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าขยายคอมมูนิตี้ มอลล์ต่าง ๆ และพัฒนาโครงการที่ดินบนทำเล CBD ของกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของ 2564 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนพัฒนา 3 โครงการบิ๊กมิกซ์ยูส ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา และ เซ็นทรัล ศรีราชา ที่เตรียมเปิดภายในสิ้นปีนี้ และเซ็นทรัล จันทบุรี ที่เตรียมเปิดภายในกลางปี 2565
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567 เป็นต้นไป
ส่วนแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2564-2568) บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ และเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า
รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น ตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ ตลอดจนการลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“นอกจากการลงทุนในด้านต่าง ๆ สิ่งที่เซ็นทรัลพัฒนาจะโฟกัสอีกประการหนึ่ง คือ การช่วยเหลือคู่ค้า ทั้งการงดเว้นค่าเช่าในบางกิจการที่รัฐสั่งปิดชั่วคราว และการเปิดทางให้คู่ค้าเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูกับ 7 ธนาคารพันธมิตร เพื่อเสริมสภาพคล่องและขับเคลื่อนการเติบโตไปด้วยกัน”