“อีเวนต์” กลับมาแน่ …แต่คงไม่เหมือนเดิม

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน
สัมภาษณ์

 

ถึงวันนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าวิกฤตโควิด-19 เป็นปัจจัยหลักทำให้งานอีเวนต์ที่เคยคึกคักหายไปทั้งปี แม้อาจจัดงานได้บ้างประปราย แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการรัฐที่ยังไม่อนุญาตให้รวมตัวผู้คนจำนวนมาก และอีกสารพัดปัจจัย ทำให้การจัดงานในรูปแบบเดิม ๆ เกิดได้ยาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว หาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และรอวันที่ธุรกิจอีเวนต์กลับมา

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “เกรียงไกร กาญจนะโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเวนต์รายใหญ่ ถึงภาพรวมของธุรกิจอีเวนต์ที่ผ่านมา รวมถึงทิศทางธุรกิจอีเวนต์ในภาพรวมในปี 2565 รวมถึงแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ไป

โควิดลากยาว 2 ปีกระอัก

ผู้ก่อตั้งบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ เริ่มฉายภาพให้ฟังว่า โควิด-19 ที่ลากยาวมาเกือบ 2 ปี กระทบภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ที่มีมูลค่าราว ๆ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ทำรายได้รวมหายไปกว่า 20% โดยเฉพาะปีนี้ธุรกิจอีเวนต์ลงมาถึงจุดต่ำสุด จากที่ผ่านมาการล็อกดาวน์ปิด ๆ เปิด ๆ ต้องจัดงานอยู่ภายใต้มาตรการ new normal แต่การจัดงานทำได้ไม่ถึง 50%

แม้บางรายหันมาจัดงานในรูปแบบ virtual แต่ไม่ใช่ทางออก เพราะทดแทนไม่ได้ 100% อีกทั้งผู้จัดงานต้องแบกรับต้นทุนสูงและไม่สอดรับกับรายรับ ก็เหนื่อยกันหมด จากนี้ต้องประเมินอีก 2 เดือนปลายปี (พฤศจิกายน-ธันวาคม)

ส่วนตัวคาดการณ์ว่า ในช่วงไตรมาส 1/2565 รายได้จะกลับมาประมาณ 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ ส่วนภาพรวมทั้งปี หวังให้ตลาดอีเวนต์กลับมาราว ๆ 60% ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการใจชื้นขึ้นบ้าง ส่วนตลาดจะฟื้นคืนกลับมาเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นตัวแปรหลัก

อีกอย่างหนึ่งก็คือ การหาสปอนเซอร์ยอมรับว่าจะยากขึ้น เพราะหลาย ๆ ธุรกิจลดงบฯโฆษณา เนื่องจากคอนซูเมอร์ทาร์เก็ตลดค่าใช้จ่าย สำหรับสินค้าที่ยังใช้งบฯ ยังพอมีบ้าง แต่น้อย เช่น กลุ่มสกินแคร์ดูแลผิวในช่วงฤดูหนาว ตามด้วยสินค้าที่เกี่ยวกับการเดินทางที่แข่งขันอย่างหนัก โรงแรม สายการบิน ต้องโปรโมต เพราะผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลงโดยการจัดงานอีเวนต์นับเป็นเครื่องมือเข้ามาช่วยให้ตัดสินใจซื้อ

ตอนนี้คิวงานที่เตรียมจัดในไตรมาส 4 ปีนี้ และไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งถือเป็นช่วง season ของอีเวนต์ต้องเลื่อนออกไป เพราะยังมีความกังวลกับมาตรการของภาครัฐ ที่ยังไม่มีความชัดเจนและไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งโดยหลักการก็จะต้องรอประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และหาก ศบค.มีประกาศออกมาและอนุญาตให้เริ่มจัดงานได้ในช่วงเดือนธันวาคม แต่ในทางปฏิบัติ ฝั่งผู้จัดอาจจะเตรียมตัวจัดงานไม่ทัน ทั้งการขายบัตร หาสปอนเซอร์ เพราะการจัดงานต้อง
ตรียมงานราว ๆ 1 ปีเป็นอย่างต่ำ

ที่สำคัญคือ ตอนนี้บริบทในการจัดงานหรืออีเวนต์หลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด ที่ทำให้อุตสาหกรรมอีเวนต์สามารถกดปุ่ม start และ stop ได้ทันที แต่ส่วนตัวมอง positive แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์

แต่เชื่อว่าปี 2565 อีเวนต์กลับมาแน่นอน แม้อาจไม่บูมเหมือนช่วงปี 2552 แต่คงเป็นการทยอยฟื้นตัวกลับมา ซึ่งอีเวนต์ในรูปแบบเอาต์ดอร์จะกลับมาก่อน พร้อม ๆ กับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จากนั้นกลุ่มอีเวนต์งานแฟร์จะค่อย ๆ ตามมา

ปีหน้าแม้อีเวนต์จะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับคืนมา แต่ก็คงจะไม่เหมือนเดิม ในแง่ธุรกิจจะต้อง concern เรื่องของต้นทุนมากขึ้น เพราะอย่างน้อยที่สุด ในแง่ของคนเข้างานอาจจะมีกลับมาสัก 70-75% ไม่เต็มร้อยเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ลุย “โอนโปรเจ็กต์” ปั๊มรายได้

ซีอีโออินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ไปว่า อินเด็กซ์ฯเน้นจัดงานในประเทศเป็นหลัก ส่วนต่างประเทศต้องเตรียมตัวพอสมควร เพราะหลาย ๆ ประเทศไม่ได้อยู่ในสัญญาณบวกและความเสียหายจะมากกว่า ณ โมเมนต์นี้ และหลัก ๆ คงมองไปที่ไตรมาส 2 ปีหน้า มองว่าในสภาพความเป็นจริงแล้ว ไตรมาส 1/2565 ก็เป็นอะไรที่ยังเหนื่อยอยู่

เช่นเดียวกับหัวใจหลักของอินเด็กซ์ฯ ยังให้ความสำคัญในการเปิดมิติใหม่ของการจัดงานอีเวนต์ โดยพยายามสร้าง own project มากขึ้น และเน้นการเตรียมจัดงานในรูปแบบเอาต์ดอร์ ประเภท sport & lifestyle เริ่มจากงานที่แรก ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ที่อินเด็กซ์ฯได้เข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ และได้มีการเติม creativity เข้าไปผสมผสานกับสถาปัตยกรรม ที่มีทั้งลานกิจกรรมและอีเวนต์

ในส่วนของกิจกรรมมีทั้งลานกิจกรรมบนบกและในน้ำ เช่น การเปิดลานสเกตและกิจกรรมพายเรือคยัก หรือซัพบอร์ด ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องเคลื่อนที่โดยใช้ไม้พายเป็นหลัก คาดการณ์งานดังกล่าวจะเข้ามาเป็นอีกส่วนของธุรกิจ ซึ่งเรามองไปที่กลยุทธ์แบบ long term และในอนาคตคาดว่าจะมีงานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่จัดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้เข้ากับฤดูท่องเที่ยวมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังเตรียมจัดงานรวม 11 งาน ทั้งปลายปีนี้และปีหน้า ซึ่งจริง ๆ แล้ว บริษัทได้เตรียมโปรเจ็กต์มาตั้งแต่ต้นปี 2564 แต่ต้องเลื่อนออกไป เพื่อรอให้สถานการณ์โควิดคลี่คลาย และขณะนี้เริ่มมั่นใจจึงเตรียมจัดอีเวนต์ปลายปี ได้แก่ เฟสติวัล FOREST OF ILLUMINATION ตั้งแต่ 5 พฤศจิกายน 2564-16 มกราคม 2565 ที่คีรีมายา เขาใหญ่ วันละ 13 รอบ จำกัดผู้เข้าชมรอบละไม่เกิน 30 คน และส่งท้ายปลายปีด้วยงาน Thailand International Lantern & Food Festival เทศกาลโคมไฟและอาหารนานาชาติ 12 พฤศจิกายน-6 ธันวาคมนี้ ที่เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ

ส่วนช่วงเดือนธันวาคม เตรียมจัดงานเองประมาณ 2 งานที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมกับทีมงาน อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับวงการ แต่ยังไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ เพราะต้องวางแผนให้ดี โดยดูที่มาตรการและสัญญาณการเปิดประเทศเป็นหลัก ด้านงานในต่างประเทศจะเริ่มต้นปีหน้า ซึ่งได้เตรียมจัดงานแฟร์ 2 งานที่กัมพูชา ส่วนแพลนงานที่เมียนมาต้องชะลอไว้ เพราะสถานการณ์ยังไม่ค่อยนิ่ง

ย้ำจุดยืน อีเวนต์คือธุรกิจหลัก

คีย์แมนอินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ ย้ำในตอนท้ายว่า ปัจจุบันธุรกิจยังอยู่บนความเสี่ยง คลัสเตอร์โควิดจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการอีเวนต์ต่างต้องปรับตัวด้วยการมองหาธุรกิจใหม่มาเสริม หรือแตกไลน์ไปทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับอีเวนต์ รวมถึงการสเกลดาวน์ธุรกิจลง จากที่เคยจ้างคน 50 คน ก็ลดลงเหลือแค่ 10 คน เพื่อรอเวลากลับมา ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจมีความเชื่อคล้าย ๆ กัน และถึงเวลาที่ต้องมีธุรกิจอื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

เช่นเดียวกับอินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ ที่ผ่านมา ผลกระทบจากโควิด จึงต้องปรับตัวด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับ hygienic ให้สอดรับกับสถานการณ์ ในชื่อบริษัท คิวแอนด์คลีน จำกัด (เมษายน 2563) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ 25 แฟรนไชส์ ใน 27 เมือง และขยายไปใน 5 ประเทศ ไทย พม่า กัมพูชา ยูเออี และลาว แม้รายได้จากธุรกิจใหม่นี้อาจจะทดแทนกับรายได้หลักจากธุรกิจอีเวนต์ไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

หรือในส่วนของธุรกิจการสร้างระบบสุขภาพ ที่เป็นการจับมือกับโรงแรมและโรงพยาบาลเอกชน ในชื่อของ ANYA MEDITEC ช่วยสร้างระบบสุขภาพให้โรงแรมและโรงพยาบาล ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก เคเค วอช ที่จับมือกับซิงเกอร์ ขณะนี้ต้องชะลอไว้ก่อน เพราะไม่ได้รับผลตอบรับเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม เมนหลักธุรกิจของอินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ ในวันนี้ ยังอยู่ในธุรกิจอีเวนต์เป็นหลัก และสิ่งที่มองคงจะเน้นที่ create ขึ้นมา