ลีวายส์ แมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ โค้ก ตบเท้ากดดันรัสเซียระงับศึกยูเครน

จำนวนแบรนด์ที่ร่วมกดดันรัสเซีย-ปูตินยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

วันที่ 9 มีนาคม 2565 เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้วที่รัสเซียพยายามใช้กำลังทหารเข้ายึดยูเครน ซึ่งเป็นผลให้ธุรกิจต่างชาติหลายรายประกาศยุติการให้บริการในรัสเซีย เพื่อสร้างแรงกดดันให้ยุติการทำสงคราม โดยรายชื่อแบรนด์สินค้า-บริการที่เข้าร่วมการกดดันนี้ยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงสินค้า-บริการกลุ่มล่าสุดที่ประกาศหยุดดำเนินการในรัสเซีย ซึ่งประกอบด้วย Levi Strauss หรือลีวายส์ ผู้ผลิตแฟชั่นยีนชื่อดัง เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ดแมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ยักษ์ร้านกาแฟ และ 2 ยักษ์น้ำดำทั้งโค้ก และเป๊ปซี่ ไปจนถึงผู้ผลิตอาหารและของใช้ในบ้านอย่างยูนิลีเวอร์และดานอน

โดยลีวายส์ที่ไม่เพียงประกาศหยุดขายสินค้า และการลงทุนทั้งหมดในรัสเซีย แต่ยังบริจาคเงินกว่า 3 แสนดอลลาร์สหรัฐให้กับ International Rescue Committee และ CARE ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรที่ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในยุโรปตะวันออกอีกด้วย

“ไม่มีแผนธุรกิจใดจะสำคัญกว่าความทุกข์ทรมานที่ผู้คนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้” บริษัท Levi Strauss ระบุในแถลงการณ์

ขณะเดียวกันในธุรกิจอาหาร แมคโดนัลด์ และสตาร์บัคส์ ต่างประกาศปิดสาขาและหยุดดำเนินธุรกิจทั้งหมดในรัสเซียชั่วคราวด้วยเช่นกัน

“คริส เคมซินสกี้” ซีอีโอของแมคโดนัลด์ กล่าวว่า ช่วงเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาจะทำให้เราเป็นส่วนสำคัญของสังคมรัสเซียทั้งการจ้างงานกว่า 62,000 อัตรา รวมถึงมีคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจหลายร้อยรายที่ช่วยสนับสนุนบริษัท รวมไปถึงลูกค้าหลายล้านคนที่ทานอาหารของเรา แต่ขณะเดียวกันบริษัทไม่สามารถมองข้ามความทุกข์ทรมานของผู้คนในยูเครนได้

สอดคล้องกับซีอีโอของสตาร์บัคส์ “เควิน จอนห์สัน” ที่ระบุว่า นอกจากหยุดดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทยังหยุดส่งสินค้าไปยังรัสเซียด้วย โดยการตัดสินใจนี้ได้รับความเห็นชอบจากพาร์ตเนอร์ในรัสเซีย ซึ่งจะให้การสนับสนุนแก่พนักงานทั้งหมดกว่า 2,000 คน ระหว่างที่หยุดดำเนินการ

ด้านธุรกิจเครื่องดื่มโคคา-โคล่า หรือโค้ก ประกาศหยุดดำเนินธุรกิจทั้งหมดในรัสเซียเป็นการชั่วคราว ส่วนเป๊ปซี่ หยุดขายเครื่องดื่มทุกแบรนด์ในพอร์ตในรัสเซียชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นเป๊ปซี่ เซเว่นอัพ มิรินดา ฯลฯ พร้อมกับระงับการลงทุนและการใช้เม็ดเงินโฆษณาในรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม แม้จะระงับการลงทุน แต่เป๊ปซี่ และดานอน และยูนิลีเวอร์ ตัดสินใจขายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาทิ นมผงสำหรับเด็กทารก อาหารเสริมสำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์นมและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ในรัสเซียต่อไป

โดยให้เหตุผลไปในทิศทางเดียวกันว่า เพื่อให้ประชาชนชาวรัสเซียทั่วไป สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ ในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายและอนาคตที่ไม่แน่นอนนี้

ทั้งนี้ยูนิลีเวอร์ย้ำว่า แม้จะยังขายสินค้าบางชนิดอยู่ แต่บริษัทไม่มีกำไรจากดำเนินธุรกิจ เพราะได้ระงับการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากรัสเซียทั้งหมดแล้ว