เครือสหพัฒน์ เปิดตัว “ริชเชสเบเกอรี่” คาเฟ่แนวอังกฤษ มุ่งใช้กลยุทธ์ “RICHESSE’s Key Strategies” มัดใจลูกค้า 11 สาขาทั่วกรุง ตั้งเป้ายอดขาย 30 ล้านก่อนสิ้นปี
วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 นางทิพาภรณ์ โชควัฒนา รองประธานกรรมการ บริษัท เค้ก แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดขนมหวานเบเกอรี่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่ยังมีโอกาสอีกมาก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
จากโอกาสดังกล่าว ทำให้บริษัท เค้ก แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด ในเครือของสหพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตเค้ก และจำหน่ายเบเกอรี่ เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2533 ภายใต้ชื่อบริษัทไทยฟูจิยา โดยร่วมทุนกับบริษัทฟูจิยา ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเค้กและเบเกอรี่อันดับต้นของประเทศญี่ปุ่น
เพื่อทำการผลิตและจัดจำหน่ายเบเกอรี่ (OEM service) ให้แบรนด์ชั้นนำ และร้านเบเกอรี่อื่น ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เค้กแอนด์เบเกอรี่ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตรวมกว่า 5 ตันต่อวัน ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์สินค้าริชเชสออกสู่ตลาด
สำหรับแบรนด์ริชเชสเบเกอรี่ มีจุดเด่นอยู่ที่เมนู 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มสินค้าเบเกอรี่, กลุ่มเค้กชนิดต่าง ๆ, กลุ่มสินค้าเบเกอรี่ อาทิ คุกกี้, พัฟ, พาย, ครัวซองต์, แซนด์วิช และกลุ่มช็อกโกแลตในคอนเซ็ปต์ เบเกอรี่ในสวนสไตล์อังกฤษ เจาะกลุ่มคนทำงานระดับกลางถึงสูง
นางทิพาภรณ์กล่าวต่อถึงกลยุทธ์ตลาดของร้านริชเชส เป็นร้านในกลุ่มของเครือสหพัฒน์ ซึ่งมีเครือข่ายพันธมิตรจำนวนมาก จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาและสร้างมาตรฐานใหม่ของตลาดร้านเบเกอรี่ โดยเน้น 8 กลยุทธ์การตลาดสำคัญ คือ “RICHESSE’s Key Strategies”
เริ่มตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ควบคู่กับการสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ ที่มาการวิจัยตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้าทุก ๆ ไตรมาส
นอกจากนี้ ยังจัดโปรโมชั่น ซื้อเบเกอรี่ 4 แถม 1 ตลอดปี 2565 และ Breakfast Save ลด 10 บาทเมื่อซื้อ ชุดอาหารเช้า เอ๊กแพนวิช เครื่องดื่ม และ Richesse Club เมื่อซื้อครบ 100 บาท สมัครเป็น member กับ Richesse club เพื่อสะสมแต้ม และส่วนลดในครั้งถัดไป
ปัจจุบันริชเชสมีทั้งหมด 11 สาขา บริษัทเชื่อมั่นว่า จะสามารถเพิ่มยอดขายในร้านริชเชสได้เป็น 2 เท่าในทุก ๆ สาขา หรือทำรายได้รวมเป็น 30 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2566