หมอยง ระบุว่าตำแหน่งที่เกิดตุ่ม เป็นหนึ่งในความแตกต่าง และคาดความต่างนี้เกิดจากกลไกการเกิดโรคและการรับเชื้อ
วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง อาการของฝีดาษลิงในผู้ป่วยในและนอกแอฟริกา
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โดยระบุว่า จากการศึกษาในประเทศอังกฤษ จำนวน 197 ราย พบในผู้ชายทั้งหมดที่เป็นชายรักชาย
ลักษณะรอยโรคที่เกิดขึ้น กว่าครึ่งหนึ่งจะเกิดที่อวัยวะเพศ รอบก้น ทวารหนัก เยื่อบุช่องปาก แม้กระทั่งต่อมทอนซิล ตุ่มที่เกิดขึ้นจะมีหลายระยะ กล่าวคือสุกหรือ แห้งไม่พร้อมกัน รวมถึงมีอาการเจ็บก้นอย่างมากจำนวนหนึ่ง และตุ่มแผลเกิดขึ้นในอวัยวะเพศเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง รายละเอียดอ่านได้จาก https://www.bmj.com/content/bmj/378/bmj-2022-072410.full.pdf
แต่อาการไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพบน้อยกว่าในแอฟริกา
ส่วนโรคที่เกิดในแอฟริกา พบตุ่มที่แขนขา ศีรษะ และส่วนใหญ่จะเป็นระยะเดียวกันสุกพร้อมกัน ตามตำรา
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากลไกการเกิดโรคน่าจะแตกต่างกัน โดยทั่วไปในแอฟริกา น่าจะเกิดจากการได้รับเชื้อแล้วเชื้อเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง เข้ากระแสโลหิต แล้วจึงมีอาการแสดงขึ้นเป็นตุ่มที่แขนขา ศีรษะ รอยโรคจึงเกิดขึ้นพร้อมกัน
ลักษณะตุ่มหนองที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยนอกแอฟริกา จึงมีหลายระยะ เช่น บางตุ่มสุก บางตุ่มเพิ่งขึ้นหรือบางตุ่มเริ่มแห้ง ซึ่งไม่เหมือนกับในแอฟริกา
ฝีดาษวานรที่เกิดนอกแอฟริกา โดยเฉพาะที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกนี้ การรับเชื้อน่าจะสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ ที่อาจจะมีรอยถลอก abrasion และทำให้เกิด รอยโรค เป็นตุ่มขึ้น พร้อมกันนั้นที่สัมผัสโรคเชื้อก็จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและกระแสโลหิต แล้วจึงไปเกิดตุ่มที่อื่นอีกได้ด้วย
การเกิดตุ่มบริเวณสัมผัส ทำให้เกิดรอยโรคขึ้นเช่นเดียวกันกับ การปลูกฝีสมัยก่อน ใช้เชื้อหนองฝีหยอดที่ต้นแขน แล้วสะกิดหรือควร ให้เกิดรอยถลอก ตุ่มแผลจึงเกิดขึ้นบริเวณที่ถลอก
สิ่งที่ช่วยยืนยันว่า โรคนี้เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ เพราะผู้ป่วยฝีดาษวานร จะพบโรคทางเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยเป็นจำนวนมากเช่น HIV หนองใน ซิฟิลิส chlamydia (หนองในเทียม) และ Herpes
กรณีที่มีอาการไข้ ปวดเมื่อยหรืออาการทางระบบน้อย และมีลักษณะเด่นทางแผลที่อวัยวะเพศ ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากไปพบแพทย์ และโรคนี้ก็หายได้เอง จึงทำให้ยากต่อการควบคุม