
คอลัมน์ : test car ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ถือเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวที่มีกลุ่มลูกค้าในบ้านเราอยู่พอสมควร
จากตัวเลขยอดขายสะสม ตั้งแต่ปี 2018 ถึงปัจจุบัน ซูซูกิ เออร์ติก้า มียอดขายสมสมมากว่า 14,000 คันนั้น ถือว่าไม่ธรรมดา
กลับมาครั้งนี้ ซูซูกิได้อัพเกรด เพิ่มความสดใหม่ แบบไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ให้กับเออร์ติก้า ด้วยการนำเทคโนโลยี ที่เรียกว่า “สมาร์ท ไฮบริด” เขามาใส่ไว้ให้กับเออร์ติก้า โมเดล 2023 และซูซูกิภูมิใจนำเสนอว่า เป็นโมเดลแรกในคราบ “เอ็มพีวี” ที่มีการติดตั้งระบบไฮบริดให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส
แน่นอนว่าเครื่องยนต์ยังเป็นเบนซิน 4 สูบ รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
แต่สิ่งที่เพิ่มเติม คือ ซูซูกินำระบบ ISG หรือ Integrated Starter Generator Mild Hybrid เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion 6Ah 12V เป็นแรงเสริมให้กับการทำงานของเครื่องยนต์ ส่วนเกียร์นั้น ยังเป็นเกียร์ชุดเดิม คือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น การแต่งองค์ทรงเครื่องที่ภายนอก และภายในห้องโดยสารมากกว่า
มิติขนาดของตัวถัง ทุกอย่างยังเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด คือ กระจังหน้า ออกแบบใหม่ ไฟหน้า โปรเจ็กเตอร์ เพิ่มระบบ เปิด-ปิด อัตโนมัติ มาให้พร้อมไฟส่องสว่าง Guide Me Light ซึ่งมี 2 ฟังก์ชั่น คือ “To Home” สำหรับส่องสว่างเวลาดับเครื่องยนต์แล้ว มีไฟนำทางให้เดินเข้าบ้าน “To Car” ระบบไฟส่องสว่าง เมื่อเรากดปลดล็อกกุญแจ ไฟจะติดช่วยเป็นแสงส่องสว่างนำทางมาที่รถ
ส่วนกระจกมองข้างพับอัตโนมัติ เวลาล็อกประตู ด้านท้าย มีป้ายบอกชื้อรุ่น HYBRID ขณะที่ไฟท้ายแบบ LED
เข้ามาภายในห้องโดยสาร โทนสีภายในนั้นดูสว่างขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการการเลือกปรับโทนสีของเบาะที่นั่ง ให้มีความสว่างขึ้น
ส่วนวัสดุที่ใช้แผงคอนโซนหน้า และแผงประตู จากเดิมเป็นลายไม้สีน้ำตาล กลับมาครั้งนี้ซูซูกิเลือกเปลี่ยนเป็นโทนสีชาโคล ทำให้สว่างและหรูหรา ลดอายุยิ่งขึ้น
แผงหน้าปัดจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว ใช้งานด้วยระบบทัชสกรีน แสดงข้อมูลชัดเจน ส่วนจอ บอกข้อมูล MID (Multi Information Display) เป็นหน้าจอสี (โทนฟ้า) ขนาด 4.2 นิ้ว ให้ภาพคมชัด บอกสถานะค่าต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และยังแสดงภาพขณะถอยหลังได้ชัดเจน ระบบเครื่องเสียง สามารถรองรับการเชื่อมต่อ บลูทูท, Apple Car Play หรือ Android Auto พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
มีที่ชาร์จโทรศัทพ์แบบไร้สายเพิ่มเข้ามาให้
แต่ซูซูกิยังไม่นำระบบกล้องบันทึกภาพด้านหน้า แบบที่เพิ่งติดตั้งไว้ใน XL 7 ตรงนี้ยังไม่มี
เนื่องจากแบตเตอรี่ไฮบริดที่ใช้เออร์ติก้าคันนี้ไม่ใช่แบตขนาดใหญ่ ซูซูกิเลือกมาวางซ่อนไว้ใต้เบาะที่นั่งของผู้โดยสารด้านหน้า
หลังจากทดสอบ รถคันนี้ในระยะทางที่ต้องเรียกว่า “พอหอมปาก พอหอมคอ” วิ่งในเขตเมืองเชียงใหม่ ออกไปโซนสะเมิง แล้ววนกลับมาย่านหางดง ความเปลี่ยนแปลงที่พอจับได้อย่างชัดเจน คือ การทำงานของเครื่องยนต์ที่ได้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเสริมนั้น ทำให้รู้สึกว่า เออร์ติก้าคันนี้ ขับดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนในเรื่องของความสมูต จังหวะกดคันเร่งออกตัว หรือเร่งแซง ทำได้ดีขึ้น อาจจะมีบางจังหวะที่เครื่องยนต์หยุดคิดนิดหนึ่งแต่ก็พร้อมตอบสนองและไปต่อ
แต่ถ้าวิ่งด้วยความเร็วกลับไม่มีพลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามช่วยเสริม เหมาะกับการวิ่งในเมือง วิ่งไม่เกิน 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ก็จะมาช่วยเครื่องยนต์ทำงาน
- “ซูซูกิ” ปืนไวเปิดตัว เออร์ติก้า ไฮบริด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
- ซูซูกิ ประกาศขึ้นราคา 3,000-20,000 บาท ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้
- ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 ลุยไปทุกเส้นทาง ราคาคุ้ม ฟังก์ชั่นครบ
อีกสิ่งที่ดูดีขึ้น คือ เสียงของเครื่องยนต์ ที่ลดความตึงเครียดไปได้พอสมควร ถ้าเป็นรุ่นก่อนกว่าเครื่องจะทำงานขึ้นมาก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ซึ่งหากใช้งานเพื่อเป็นรถครอบครัว ก็น่าจะเหมาะ และน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับครอบครัวที่มองหาอรรถประโยชน์ วิ่งในเมืองและขับกันไปเรื่อย ๆ แถมยังได้ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มเข้ามา สำหรับราคาค่าตัวของรถคันนี้ “รุ่น GL อยู่ที่ 783,000 บาท และรุ่น GX ราคา 839,000 บาท”