กลุ่มยานยนต์ โชว์ยอดจดทะเบียนรถอีวี 4 เดือนแรกพุ่ง 2.6 หมื่นคัน

รถอีวี

ส.อ.ท. โชว์ยอดจดทะเบียนรถอีวีสะสม 4 เดือนแรกโตต่อเนื่อง สวนยอดขาย 4 เดือน ลดลง 16.11% ชี้ผลมาจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อหนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยพุ่ง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 5,181 คัน เพิ่มขึ้น 320.88% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 3,820 คัน, รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 2 คัน, รถยนต์สามล้อรับจ้างมี 19 คัน เพิ่มขึ้น 850%, รถยนต์รับจ้างสามล้อ 19 คัน

รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,238 คัน เพิ่มขึ้น 48.98% แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,215 คัน, รถจักรยานยนต์สาธารณะ 23 คัน, รถโดยสารมีทั้งสิ้น 93 คัน, รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 9 คัน เพิ่มขึ้น 125%

ส่วนยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าใน 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ที่ผ่านมียอดสะสม 26,233 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 534.41% แบ่งเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 18,357 คัน, รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 84 คัน, รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน, รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 2 คัน

รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 37 คัน เพิ่มขึ้น 1,750%, รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 109 คัน เพิ่มขึ้น 179.49%,รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 6,886 คัน เพิ่มขึ้น 183.61% แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 6,862 คัน, รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 24 คัน, รถโดยสารมีทั้งสิ้น 703 คัน, รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 53 คัน

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ทำให้ยอดยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 58,228 คัน เพิ่มขึ้น 276.30% โดยแบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 32,166 คัน เพิ่มขึ้น 460.38%, รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 93 คัน เพิ่มขึ้น 144.74%, รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 600 คัน เพิ่มขึ้น 99.34%

ส่วนรถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 23,375 คัน เพิ่มขึ้น 155.91% และรถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 1,915 คัน เพิ่มขึ้น 650.98%, รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 79 คัน เพิ่มขึ้น 1,216.67%


ขณะที่ยอดขายรถยนต์โดยรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 รถยนต์มียอดขาย 276,603 คัน ลดลงจากปีช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 6.11% โดยเฉพาะในเดือนเมษายน มีจำนวนทั้งสิ้น 59,530 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 25.53% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 6.14% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเพิ่มขึ้นอีก