รถจีน “เชอรี่” เปิด 40 ดีลเลอร์ ส่ง “O&J” เล็งติดท็อปแบรนด์ภายใน 5 ปี

O&J showroom

ค่ายรถจีน O&J ภายใต้ เชอรี่ กรุ๊ป ประกาศ บุกตลาดประเทศไทย พร้อมส่งรถอีวีรุ่นแรก OMODA 5 เปิดตลาดเป็นโมเดลแรก ก่อนตามด้วยรุ่นเครื่องยนต์ และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ปูพรมผุด 40 โชว์รูมทั่วประเทศ ก่อนเปิดตัวต้นปีหน้า มั่นใจปรับภาพลักษณ์ใหม่ หวังติดกลุ่ม “ท็อปแบรนด์” ภายใน 5 ปี

นายชอว์น ซู รองประธานฝ่ายบริหาร เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Chery International) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการดำเนินธุรกิจและการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งของ เชอรี่ กรุ๊ป ว่า ภายในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ (อีวี, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, ไฮบริด)

ในประเทศไทยสำหรับการกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งนี้ กลุ่มเชอรี่ จะมาภายใต้แบรนด์ O&J (OMODA&JACCO) ก่อน ควบคู่ไปกับการเดินหน้า สร้างแบรนด์ O&J ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักสำหรับกลุ่มลูกค้า และสร้างตลาดในประเทศไทยก่อน เนื่องจากบริษัทรับทราบถึงปัญหา และภาพลักษณ์ของแบรนด์ในประเทศไทยก่อนหน้านี้ ที่จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับผู้บริโภคก่อน

จากนั้นเตรียมแนะนำรถยนต์พลังงานใหม่อย่าง โอโมด้า 5 (OMODA 5) ออกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยจะแนะนำในส่วนของพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV ออกสู่ตลาดก่อนราวต้นปี 2567 จากนั้นจะทยอยแนะนำรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่น ๆ ออกสู่ตลาดด้วยทั้งไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริด

นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้า เตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายการจัดจำหน่าย พร้อมก่อนเปิดตัวรถในปีหน้า ด้วยการเจรจากับนักลงทุนชาวไทย ผู้ที่สนใจธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ หรือดีลเลอร์ โดยบริษัทได้เปิดรับสมัคร และตั้งเป้าว่า จะเปิดดีลเลอร์ให้ได้ 40 แห่ง กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดสำคัญ หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทยให้ครอบคลุมก่อน อีกทั้งการเตรียมในส่วนของงานบริการหลังการขายและสแปร์พาร์ต ให้พร้อมรองรับกับความต้องการก่อนเปิดตัวรถโอโมด้า 5

O&J showroom

“ขณะนี้ O&J ตอนนี้เราเปิดรับสมัครดีลเลอร์แล้ว และตั้งใจว่า ก่อนเปิดตัว เราจะเปิดดีลเลอร์ในประเทศไทยให้ได้ก่อนอย่างน้อย 40 แห่ง เราจะสปีดอัพเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไว้รองรับก่อนเปิดตัวรถให้ลูกค้ามั่นใจว่า O&J มีความพร้อมสูงสุดในการดูแลและทำตลาดในประเทศไทยอย่างสูงสุดด้วยในทุก ๆ ด้าน”

ขณะที่ในส่วนของนโยบายการขยายดีลเลอร์นั้น บริษัทมีนโยบบายชัดเจน คือ ONE DEALER หนึ่งผู้จำหน่ายจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการได้ไม่เกิน 5 แห่ง

นายชอว์น ซู ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การกลับเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ของเชอรี่ กรุ๊ป บริษัทมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นท็อปแบรนด์ได้ไม่ยาก จากประสบการณ์ การเข้าไปทำตลาดในหลากหลายประเทศทั้ง ตะวันออกกลาง มาเลเซีย อินโดนีเซีย เชอรี่สามารถก้าวไปเป็นท็อปแบรนด์ได้

อีกทั้งการเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่เรายังมีพลังงานทางเลือกหลากหลายให้กับลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสแบรนด์ O&J จะพลิกโฉมแบรนด์เชอรี่ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากเปิดตัวรถยนต์และทำตลาดในประเทศไทย O&J จะสามารถขึ้นไปในกลุ่มท็อปให้ได้

สำหรับรถโอโมด้า 5 นั้น เบื้องต้นจะเป็นการนำเข้ามาเพื่อจัดจำหน่าย (ซีบียู) ก่อน และจากนั้น จะเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเบื้องต้นเร็วสุดภายใน 10 เดือนหลังเปิดตัว หรือช้าสุดก็ราว 1-2 ปี หลังเปิดตัวอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ นายชอว์น ซู กล่าวถึงนโยบายการส่งเสริมของรัฐบาลไทย ในส่วนของรถยนต์อีวีว่า ถือเป็นการให้สิทธิประโยชน์ค่อนข้างดีและน่าสนใจ โดยรวมจะเป็นรูปแบบการส่งเสริมคล้าย ๆ กับในจีน ทำให้ผู้ประกอบการสนใจเข้ามาลงทุน แถมผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ด้วย

ส่วนที่หลายคนกังวลว่า สิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลไทยให้กำลังจะสิ้นสุดลงในเร็ว ๆ นี้ ส่วนของสรรพสามิตนั้น โดยส่วนตัวไม่ได้กังวลแต่อย่างใดเพราะ O&J ไม่ได้มีแค่รถอีวี แต่ยังมีรถยนต์ทางเลือกอื่น ๆ ด้วยอีกทั้งเชื่อว่ารัฐบาลไทยน่าจะให้การส่งเสริมตรงนี้ต่อเนื่องแต่จะมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม