โตโยต้าจ้องกวาดตลาดใหญ่ แปลงปิกอัพเก่าเครื่องยนต์เป็นกระบะ EV

อัพเดตล่าสุด 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 07.02 น.

โตโยต้า ทูโชเร่งพัฒนาแปลงกระบะเครื่องยนต์เป็นกระบะไฟฟ้า ย้ำวิ่งไกล 200 กม.ต่อชาร์จ หวังกวาดลูกค้ารถเก่าที่ขี่ EV เร่งหาโซลูชั่นทำตลาด ย้ำตลาดใหญ่มากกว่า 7 ล้านคัน

นายศุภณัฐ แม้นญาติ ผู้จัดการอาวุโส แผนกพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือโตโยต้า เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการพัฒนารถยนต์ต้นแบบ BEV Conversion หรือรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มาดัดแปลงเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและทดลองใช้งาน สำหรับรถที่บริษัทได้นำมาดัดแปลงนั้นจะเป็นรถปิกอัพขนาด 1 ตัน โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ซึ่งเป็นรถที่มียอดขายจำนวนมากและได้รับความนิยมในช่วงที่ผ่านมา

“เราอยากจะบอกว่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้น วันนี้จะทำแค่รถใหม่อย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ รถเก่าในประเทศไทยมีเยอะมาก และโตโยต้า ทูโช เรามีจุดมุ่งหมายว่าต้องการจะปรับรถเก่าให้กลายเป็นรถ EV ให้ได้ และตอนนี้เราทำออกมาได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดแล้ว”

นายศุภณัฐยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีปริมาณรถเก่า (ปิกอัพ) ที่มากถึง 7 ล้านคัน ในจำนวนนี้เป็นรถที่อายุเกิน 10 ปี มีถึง 4 ล้านคัน ดังนั้นตรงนี้ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เชิญชวนให้ผู้ใช้รถเหล่านี้นำรถมาดัดแปลงเปลี่ยนพลังงานขับเคลื่อนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแทน

เบื้องต้นสำหรับรถต้นแบบ BEV Conversion นี้ได้ถูกถอดเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังออกไป และแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 41.5 kWh แทน รองรับชาร์จแบบช้า (AC) รองรับการชาร์จที่ 7 kWh ใช้เวลา 6 ชั่วโมง

ส่วนการชาร์จแบบเร็ว (DC) รองรับได้ถึง 40 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 45 นาที จากแบตเตอรี่ 20-80% ส่วนระบบการปรับจูนต่าง ๆ บริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เนื่องจากต้องการให้เป็นรถที่มีสภาพการขับขี่แบบเดิม ๆ ปรับช่วงล่างให้ใกล้เคียงเดิมเช่นกัน

สำหรับรถต้นแบบ BEV Conversion สามารถวิ่งได้ไกล 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการแปลง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น ส่วนราคาจำหน่ายนั้นยังต้องศึกษาความเป็นไปได้ทางการตลาดด้วย ลูกค้ามองว่ารถแบบควรจะเหมาะสมในราคาเท่าไร

สำหรับกลุ่มเป้าหมายนั้นคือ กลุ่มลูกค้าของเราคือ B2B ต้องพูดคุยถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจก่อน จากนั้นมีโอกาสจะขยายไปยังกลุ่ม B2C หรือกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งบริษัทอาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาเตรียมความพร้อมตรงนี้ เพื่อตัดสินใจว่ารูปแบบธุรกิจจะเป็นแบบใด ก่อนแนะนำธุรกิจนี้ออกสู่ตลาดและคาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปีจากนี้ น่าจะได้เห็นความชัดเจนออกมาอย่างแน่นอน

“สิ่งที่เรากังวลในเรื่องของมลพิษนั้น จริง ๆ ประเทศไทยคนใช้รถค่อนข้างนานแล้ว มีการปล่อยคาร์บอนค่อนข้างเยอะ ถ้าต้องการให้ประเทศเราสะอาดมากขึ้น รถเก่าคือคำตอบสำคัญมาก และอยากให้รัฐบาลหันมามองและสนับสนุนตรงนี้ด้วยเช่นเดียวกับรถใหม่”