คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถ EV คันแรกจากค่ายฮอนด้า ที่ ผลิต และ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว
แต่รูปแบบการทำตลาดของ รถ Honda e:N 1 คันนี้แตกต่างจากเดิม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เลือกวิธีการนำเสนอไปยังกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยในลักษณะของการ “เช่าใช้” ไม่ใช่ “เช่าซื้อ”
เอายังไงละทีนี้…
ฮอนด้า นำเสนอรถคันนี้ผ่านบริษัทรถเช่ากว่า 10 ราย โดยอัตราค่าเช่า เริ่มต้นอยู่ที่ 29,000 บาท ต่อเดือน ในระยะเวลาการเช่าขั้นต่ำ 48 เดือน
และยังมีอีกหลายหลายทางเลือกการ “เช่าใช้” มานำเสนอ
โดยที่ผู้เช่าใช้ไม่ต้องจ่ายค่ายอะไรเพิ่มอีกเลย ทั้งค่าประกันภัย การต่อทะเบียน การเข้าศูนย์บริการหลังการขาย เปลี่ยนยางให้ใหม่ทุก 50,000 กม. เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกเล็ก 12 โวลต์ทุกปี แถมมีรถใช้ระหว่างซ่อม
ครบสัญญาเปลี่ยนคันใหม่
เขาดูแลให้หมดลูกค้าหลักนอกจากจะเป็นกลุ่มลูกค้า ฟรีตลูกค้าองค์กร หน่วยงานต่างๆ ที่ ฮอนด้า ตั้งใจนำเสนอแล้ว กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่สนใจ
หลายคนบอกแพง แต่ส่วนหนึ่งต้องเห็นใจฮอนด้าเพราะ ราคาต้นทุนผลิต แม้ว่าจะ ขึ้นไลน์ผลิตจากโรงงานฮอนด้า ที่ จ.ปราจีนบุรีแล้ว
แต่ว่า ยังไงก็สู้ค่ายรถจากจีนไม่ได้ เขาจึงใช้วิธีการทำการตลาด ด้วยการ “เช่าใช้” ไป ก่อน เมื่อถึง วันที่ทุกอย่างพร้อม รับรองว่า ยอดกระจุย
ก่อนหน้านี้ ประชาชาติธุรกิจ มีโอกาสได้สัมผัส กับ Honda eN:1 มาบ้าง แต่เป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
วันนี้กับ เวอร์ชั่น ประเทศไทย จะเป็นอย่างไร
ไม่รอช้า ขอเข้าไปนั่งประจำการด้านหลังพวงมาลัย ก่อน เป็นไม้แรก เราเลือกขับ กันที่ โหมด Normal ส่วนระดับความ “หน่วง” ในการเจนกระแสไฟกลับไปนั้น เราเลือกระดับเบาสุด จาก 1 ใน 3 เรียกว่า ไปกันแบบเรื่อยๆ
ปรับเบาะนั่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้เหมาะสม กดเกียร์ D เพื่อพาเจ้ารถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ออกจากจุดสตาร์ท สำนักงานใหญ่ของฮอนด้าในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ตัดขึ้น วงแหวนตะวันออก เลี้ยงลง เส้นคลองรังสิต มุ่งหน้าสู่ จ.นครนายก
รถคันนี้ออกแบบภายใต้แพลตฟอร์ม e:N Architecture F ที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงของฮอนด้า
ส่วนขุมกำลังนั้น ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 หรือ Motor, Power Drive unit, Gearbox ให้กำลัง สูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับบแบตตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ฮอนด้าเคลมไว้ว่า ระทางวิ่งต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง วิ่งได้ 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ต้องบอกว่า รถ Honda e:n1 คันนี้ ให้ฟิลในการขับขี่ ค่อนข้างดี มีความเป็น ธรรมชาติ เมื่อเทียบกับ รถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ รุ่น ทั้งจังหวะของการออกตัว การกดคันแรง ทำได้เนียนโดยเฉพาะความรู้สึก ในจังหวะที่เรา มุดขึ้นขวา ลงซ้าย เพื่อหาช่องเร่งแซงนั้น สมราคาขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจริง
ทีมงานฮอนด้า แจ้ง ว่า ฮอนด้าตั้งใจอกแบบให้รถคันนี้มีความความใกล้เคียงกับรถน้ำมันทั้ง ทั้งแรงเหวี่ยง และแรงหน่วง นั้น ถือว่า “ใช่” ในตำแหน่ง ของผู้ขับ
แต่ หากถาม ผู้โดยสารที่เบาะด้านหลัง “ฟิล” คนละเรื่อง ตรงนี้ต้องลองเข้ามานั่งกันดูว่า แตกต่างจริงไหม
ความคล่องตัว และความคุมของพวงมาลัย เซตมาได้ ดี คุมง่ายสไตล์ฮอนด้า ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัย จัดมาเต็ม กับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง รถรุ่นนี้ยังเป็นคันแรกที่ ติด ระบบ ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองหลัง ช่วยได้มากยิ่งช่วงวิ่งกันในเส้นคลองรังสิต สภาพการจราจาหนาเเน่น และวุ่นวาย จากการพฤติกรรมการขับขี่ที่ต่างๆ คนต่างจะไป ไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่จากความคล่องตัว รถทำให้ เรา ฝ่าออกมาได้
ก่อนที่จะมีช่วงทางตรงๆ ถนนโล่ง ของทดสอบความแรงที่ ทีมฮอนด้า แจ้งว่า รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ความเร็วสูงสุดวิ่งขึ้นไปที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ใช่… เราได้ทดลองกัน แต่ปรากฎว่า เข็มไมลล์วิ่งไปไกลเกิน ไปได้อีกรา 169-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถยังนิ่ง
แค่นี้พอเพราะเอาเข้าจริงวิ่งกันที่ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นก็เหลือเฟือ
ส่วนการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ถือว่าโดยรวมดี
แต่จังหวะของการถอนเท้าออกจากคันเร่ง แม้ว่าเราจะเลือกใช้ ระดับการหน่วงที่เบาที่สุด แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงอาการดึงของตัวรถ ส่วนจังหวะเร่งคิ๊กดาวน์ เพื่อกดแซงทำได้ดีทีเดียว
การออกแบบ ภายนอก ของรถคันนี้ มอง มีการปรับเปลี่ยนในหลายๆ ส่วน เช่นกระจังหน้า สัญลักษณ์ H Maek ใหม่ ที่มาพร้อมพรีเมี่ยมมินิมอล ฟร้อนตัวหนังสือออกแบบใหม่ที่ด้านหลัง
ภายในห้องโดยสาร เป็นโทนสีดำ ตัดด้วยไฟสร้างบรรยากาศโทนสีฟ้า หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว ออกแบบเก๋ไก๋ให้เลือกใช้งานเป็น 3 ส่วน ควบคุมระบบความบันเทิง ระบบนำทาง,อัตราสิ้นเปลื้องการใช้พลังงาน,อุณหภูมิ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
เบ็ดเสร็จตลอดระยะทางไปกลับของการทดสอบครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 222.9 กม. เหลือ ไฟฟ้าให้วิ่งได้ อีก 23% หรือ 85 กม. จากก่อนออกสตาร์ต แบเตอรี่มีอยู่ที่ 97% ส่วนระยะทางแจ้งว่า ขับได้จากแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ 419 กม. ด้วยการขับขี่เฉลี่ย ความเร็ว ขนาดนี้ถือว่าใช้ได้
ถึงตรงนี้บอกว่า เจ้า HONDA e:N1 คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าใช้อีกหนึ่งคัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแต่ยัง ถวิลหาอารมณ์เครื่องยนต์ ICE บอกเลยว่า คันนี้ใช่
แต่คุณจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เพราะ วันนี้ฮอนด้าเขามีแต่บริการ “เช่าใช้” ก่อนส่วนท้ายที่สุดแล้วมีออกมาขายทั่วไป หรือเปลี่ยนจากรถเช่าใช้เป็นเจ้าของต่อได้หรือไม่…ต้องติดตาม
