เจ.ดี. พาวเวอร์ เผยข้อมูล ปัญหาเสียงรบกวน ส่งผลต่อความพอใจลูกค้า

เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2019 Thailand Initial Quality StudySM (IQS)) รายงาน ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2562 โดย ชี้เจ้าของรถยนต์ในประเทศไทยประสบปัญหาจากการใช้รถยนต์คันใหม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและจากความผิดพลาดในการผลิต ส่งผลให้คุณภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมลดลง

ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย (IQS) ประจำปี 2562 ได้จากการประเมินคำตอบของเจ้าของรถยนต์คันใหม่ 6,632 รายที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ถึงเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะ และรถยนต์อเนกประสงค์ จำนวน 66 รุ่น จากทั้งหมด 10 ยี่ห้อ โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนสิงหาคม 2562

โดยจากการสำรวจคุณภาพรถยนต์ใหม่วัดจากจำนวนปัญหาที่พบต่อรถยนต์ใหม่ 100 คัน (PP100)  ในช่วง 2 ถึง 6 เดือนแรกของการเป็นเจ้าของ โดยรถยนต์รุ่นใดที่ได้คะแนน PP100 ต่ำกว่า แสดงว่ารถรุ่นนั้นมีคุณภาพที่สูงกว่า

ในการศึกษาปีนี้ คะแนนเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 81 PP100 จาก 70 PP100 ในปีที่ผ่านมา โดยปัญหาต่างๆ ที่พบใกล้เคียงกันระหว่างปัญหาด้านการออกแบบ (38 PP100) และปัญหาจากความผิดพลาดในการผลิต (37 PP100)

ซึ่งโดยรวมแล้ว ปัญหาเสียงรบกวนต่างๆ คิดเป็นสัดส่วน 24% (19.6 PP100 โดยรวม) ของปัญหาทั้งหมดที่พบในปีนี้และเป็นปัญหาที่ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่พบมากที่สุด ซึ่งปัญหาเสียงรบกวนนี้หมายรวมถึงปัญหาเสียงลมและเสียงบดถนนดังมากเกินไป (8.0 และ 1.5 PP100 ตามลำดับ) และปัญหาเสียงรบกวน, เสียงกอกแกก และเสียงผิดปกติอื่นๆ ภายในรถยนต์ (3.6 PP100 โดยรวม)

สำหรับกลุ่มปัญหาจากประสบการณ์การขับขี่ พบปัญหาสูงสุดจากเสียงผิดปกติจากช่วงล่างและเบรกมีเสียงดัง (1.5 และ 1.0 PP100 ตามลำดับ) ปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเสียง ได้แก่ เครื่องยนต์และเกียร์มีเสียงผิดปกติ (1.5 PP100) และปัญหาเบาะที่นั่งมีเสียงรบกวน, เสียงกอกแกก หรือมีเสียงผิดปกติ (1.4 PP100)

นายศิรส สาตราภัย ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค เจ.ดี.  พาวเวอร์ ประจำประเทศไทยและประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และฝ่ายผลิตของบริษัทรถยนต์จำเป็นต้องประสานความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเสียงรบกวนจากส่วนต่างๆ ของรถยนต์

“ลูกค้าในปัจจุบันมีความรู้สึกที่ไวต่อเสียงรบกวนที่มาจากส่วนต่างๆ ของตัวรถ แบรนด์รถยนต์ต้องสามารถที่จะวิเคราะห์และระบุถึงสาเหตุของปัญหาอย่างแม่นยำ เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ทางด้านคุณภาพโดยรวมของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น”

นอกจากนี้เจ้าของรถยนต์ใหม่มีการระบุถึงปัญหาอื่นๆ อีก ได้แก่ ปัญหาภายในตัวรถ เช่น อุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานยาก และมีเสียงดังในตัวรถ ซึ่งพบมากกว่าปีที่ผ่านมา ปัญหากลิ่นภายในตัวรถ ส่วนปัญหาด้านเครื่องเสียง ระบบความบันเทิง และระบบนำทางโดยรวมพัฒนามากขึ้น แม้จะยังพบว่าปัญหาการรับสัญญาณวิทยุยังคงมีอยู่เช่นเดิม

การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ 2 กลุ่มปัญหาหลักที่เจ้าของรถยนต์ใหม่ประสบ ได้แก่ กลุ่มปัญหาด้านการออกแบบ และกลุ่มปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดในการผลิต

การศึกษานี้ได้เจาะถามถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 8 หมวดหมู่ ได้แก่

  • ปัญหาภายนอกรถยนต์
  • ปัญหาจากประสบการณ์การขับขี่
  • ปัญหาจากอุปกรณ์/ปุ่มควบคุม/จอแสดงผล
  • ปัญหาเครื่องเสียง/ระบบสื่อสาร/ระบบความบันเทิง/ระบบนำทาง
  • ปัญหาจากเบาะที่นั่ง
  • ปัญหาจากระบบทำความร้อน/ระบบระบายอากาศ/ระบบความเย็น
  • ปัญหาภายในห้องโดยสาร
  • ปัญหาเครื่องยนต์/ระบบเกียร์