เทสต์คาร์ วุฒิณี ทับทอง
ค่ายรถน้องใหม่ “เกรท วอลล์ มอเตอร์” ยักษ์ใหญ่จากแดนมังกร ซึ่งใคร ๆ หลายคนให้ความสนใจและมองกันแบบไม่กะพริบตา ว่าจะสร้างความหวือหวาให้กับตลาดรถยนต์บ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน ? อีกไม่กี่วันคงกระจ่างเพราะในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ราคาขายเอสยูวีตัวแรก ฮาวาล เอช 6 ที่โหมโรงกันมาตั้งแต่ต้นปีจะได้ทราบกันเสียที
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นความลับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ตัดสินใจจัดทริปทดสอบฮาวาล เอช 6 ไฮบริด โดยเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ศรีราชา เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้พิสูจน์สมรรถนะกันแบบเต็มอิ่ม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
ฮาวาล เอช 6 จำนวน 20 คัน จอดเรียงรายพร้อมให้เราสัมผัสกันเป็นกลุ่มแรก
รูปร่างหน้าตาทรวดทรงของรถคันนี้ คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ เพราะเชื่อว่าเห็นกันมาพอสมควรแล้ว
ที่สำคัญ เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องของความพึงพอใจ
ส่วนตัวแล้วคิดว่า โดยรวมรถคันนี้ได้รับการออกแบบมาค่อนข้างจะลงตัว สมกับเป็นรถเอสยูวีที่มาทั้งความหรูหรา แข็งแกร่ง และดุดันภายในห้องโดยสารเน้นสีดีไซน์ทูโทน เบาะหนังสีดำตัดขาว
ส่วนแผงคอนโซลหรูหราด้วยแกรนด์เปียโนแบล็กตัดขอบด้วยสีโรสโกลด์ สวยงามด้วย ambience light การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ เน้นความเรียบง่าย
โดดเด่นสะดุดตากับหน้าจอ intelligent multimedia แบบทัชสกรีน ขนาด 12 นิ้ว ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญอีกจุดหนึ่งของรถคันนี้
เพราะควบคุมระบบการขับเคลื่อน ระบบส่งกำลังระบบการขับขี่อัจฉริยะ และระบบการควบคุมรถต่าง ๆ เพียงสั่งการจากหน้
เนื่องจากหน้าจอดังกล่าวจะเป็นจุดศูนย์รวมเพื่อให้เราเซตตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถ และสั่งการได้จากจอขนาด 12 นิ้ว
แวบหนึ่งแอบคิดว่าถ้าหน้าจอไม่เสถียรพอ จะส่งผลต่อการใช้งานของรถคันนี้ขนาดไหน แต่จากการสอบถามทีมงานการันตีว่า “สบายมาก” ทดสอบกันมาเป็นอย่างดี
เมื่อขึ้นมานั่งในตำแหน่งผู้ขับ ปรับเบาะที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะหน้า เลือกลมเป่าแบบร้อน/เย็นได้
ปรับเบาะให้เหมาะสมกับสรีระกระจกมองซ้าย-ขวาและหลังให้เหมาะเจาะ
เสียดายไปนิดกับรถที่มีพร้อมความล้ำทางเทคโนโลยีขนาดนี้ แต่ในส่วนของการปรับพวงมาลัยนั้น ถ้าเกรท วอลล์ฯใช้ระบบการปรับแบบไฟฟ้ามาให้ น่าช่วยให้ล้ำมากขึ้น
ขนาดของพวงมาลัยไฟฟ้า ดีไซน์แบบ 3 ก้าน ไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่…
โดยเฉพาะในตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา
ส่วนตำแหน่งที่นั่ง ทัศนวิสัยค่อนข้างดี ตามสไตล์รถเอสยูวี
จากจุดสตาร์ตย่านอ่อนนุช เบนหัววิ่งบนถนนสุขุมวิทในช่วงสาย ๆ ของวันจันทร์ ซึ่งสภาพการจราจรแม้จะอยุู่ในช่วงโควิด แต่เส้นทางดังกล่าวเพื่อนร่วมทางสัญจรยังหนาตา
แม้ทีมงานเกรท วอลล์ฯจะใช้รถตำรวจทางหลวงมานำทาง แต่ด้วยขบวนรถฮาวาล เอช 6 ไฮบริดที่ร่วมทริปมีถึง 20 คัน
ไม่ใช่เรื่องง่าย…สำหรับผู้ร่วม “ใช้” เส้นทางในจังหวะชุลมุน ตัดสินใจกระชากพวงมาลัยออกจากขบวนเพื่อมุดออกจากเส้นทางอันคับคั่งให้เร็วที่สุด
ซึ่งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาช่วยได้เยอะขึ้น
ตัดขึ้นบูรพาวิถีระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่าง ๆ เพิ่มความมั่นใจครบครัน
แถมยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบผันแปร มาพร้อมกล้อง ADAS ที่ช่วยแสดงเครื่องหมายจราจรตามพิกัดความเร็วที่กฎหมายกำหนด
และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่เราสามารถตั้งความเร็วได้ และตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
บางจังหวะหากขับเพลิน ๆ เผลอไปบ้าง มีระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
จะเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกเลน
แล้วยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน
เมื่อลองกดเรียกกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 เทอร์โบ ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้กำลังรวมถึง 243 แรงม้า
ส่วนแรงบิดนั้นจากเครื่องยนต์สูงสุดที่ 230 นิวตันเมตร และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 300 นิวตันเมตร
ทำให้รถคันนี้มีแรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ทำงานผสานกับเกียร์แบบไฮบริด มี 2 ระบบเกียร์ คือ เกียร์ตัวแรกทำงานกับเครื่องยนต์
ส่วนอีกตัวทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
ตรงนี้ทีมงานแจ้งว่า เพื่อรองรับกับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย พละกำลัง จี๊ด…เลยทีเดียว แม้ว่าบน “บูรพาวิถี” จะมีกระแสลมปะทะค่อนข้างแรง
ลืมบอกไปนิดว่า การทดสอบครั้งนี้เราเลือกใช้เพียงเเค่โหมดมาตรฐานเท่านั้น ส่วนที่เหลือคือโหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดถนนลื่นไม่ได้เลือกใช้
เมื่อความเร็วเกิน 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่หน้าปัดแสดงความเร็วจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเพื่อเป็นนัยแจ้งเตือนว่าเริ่มขับเร็วไปแล้ว
ส่วนพวงมาลัยเลือกปรับได้ถึง 3 รูปแบบตามการใช้งาน เบา สบาย สปอร์ต
ส่วนการทำงานของระบบไฮบริดในฮาวาล เอช 6 คันนี้ เรียกว่า “ระบบซีรีส์” เริ่มต้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะเข้ามาช่วยทำงาน
และเมื่อใดที่ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรจะเป็นการทำงานของเครื่องยนต์เพียว ๆ
จากสเป็กตามอีโคสติ๊กเกอร์เคลมไว้ว่า รถคันนี้มีอัตราสิ้นเปลือง 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร
ส่วนช่วงล่างแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังมัลติลิงก์ ที่ทางเกรท วอลล์ฯเซตมานั้นเข้าใจว่าต้องการให้ฮาวาล เอช 6 คันนี้เป็นรถเอสยูวีที่เน้นความนุ่ม นั่งสบาย
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังรู้สึกขัด ๆ กับการเซตพวงมาลัยและช่วงล่าง
ถ้าปรับให้มีความกระชับและเฟิร์มของช่วงล่าง เพิ่มความคมอีกนิดโดยเฉพาะพวงมาลัย รถคันนี้น่าจะเป็นอีกรุ่นที่น่าขับสนุกและถูกใจลูกค้าบ้านเราอีกเป็นกอง…
เมื่อลองเข้าไปนั่งที่เบาะโดยสารด้านหลัง สัมผัสได้ถึงการ “โยก” และ “เเรงเหวี่ยง” จากรถค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
นอกจากการขับบนแทร็กออนโรดแล้ว ทีมงานยังเซตให้เราได้ทดลองระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นไฮไลต์ คือ ระบบการจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ทั้งการเข้าซอง การจอดเลียบฟุตปาทและการจอดแบบทแยง
ระบบช่วยถอยอัตโนมัติที่ใช้งานได้จริงและเป๊ะ เมื่อเราต้องขับเข้าไปยังพื้นที่แคบหรือซอยตัน รถจะช่วยคำนวณเส้นทาง และระบบจะจัดการถอยออกให้เราโดยอัตโนมัติด้วยระบบช่วยจำเส้นทางในขาเข้า
จะถูกสั่งการให้มาใช้ในการถอยออก ตรงนี้ยังลดปัญหาสิ่งกีดขวางข้างทาง แถมยังมีระบบเตือนว่ามีสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง แล้วยังมีระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับขณะถอยหลัง
เรียกว่ารถคันนี้มีระบบเทคโนโลยีจัดมาเพื่อตอบสนองทุกเส้นทาง ก้าวไปไกลถึงขนาดเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบออโตอัตโนมัติระดับ 2 พลัส
สำหรับฮาวาล เอช 6 ไฮบริดคันนี้ เขาจะเปิดราคา 28 มิ.ย.นี้ และมีรถยนต์พร้อมส่งมอบทันทีทุกสี ยกเว้นสีแดงอาจจะต้องมีระยะเวลารอไปราว ๆ เดือนกันยายนโน่น
ไม่รู้ว่าลูกค้าจะอดใจรอไหวหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ หากต้องการให้คะแนนความตั้งใจกับทีมงานเกรท วอลล์ฯ และส่วนตัวรถถ้าเซตช่วงล่างให้เนี้ยบ ยังยืนยันคำเดิมว่า งานนี้มีร้อน ๆ หนาว ๆ แน่นอนสำหรับตลาด C-SUV