ฮาวาล เอช 6 ไฮบริด สมรรถนะไม่ขี้เหร่ เทคโนโลยีเด่น

เทสต์คาร์
วุฒิณี ทับทอง

ค่ายรถน้องใหม่ “เกรท วอลล์ มอเตอร์” ยักษ์ใหญ่จากแดนมังกร ซึ่งใคร ๆ หลายคนให้ความสนใจและมองกันแบบไม่กะพริบตา ว่าจะสร้างความหวือหวาให้กับตลาดรถยนต์บ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน ? อีกไม่กี่วันคงกระจ่างเพราะในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ราคาขายเอสยูวีตัวแรก ฮาวาล เอช 6 ที่โหมโรงกันมาตั้งแต่ต้นปีจะได้ทราบกันเสียที

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นความลับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ตัดสินใจจัดทริปทดสอบฮาวาล เอช 6 ไฮบริด โดยเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ศรีราชา เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้พิสูจน์สมรรถนะกันแบบเต็มอิ่ม

ฮาวาล เอช 6 จำนวน 20 คัน จอดเรียงรายพร้อมให้เราสัมผัสกันเป็นกลุ่มแรก

รูปร่างหน้าตาทรวดทรงของรถคันนี้ คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ เพราะเชื่อว่าเห็นกันมาพอสมควรแล้ว

ที่สำคัญ เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องของความพึงพอใจ

ส่วนตัวแล้วคิดว่า โดยรวมรถคันนี้ได้รับการออกแบบมาค่อนข้างจะลงตัว สมกับเป็นรถเอสยูวีที่มาทั้งความหรูหรา แข็งแกร่ง และดุดันภายในห้องโดยสารเน้นสีดีไซน์ทูโทน เบาะหนังสีดำตัดขาว

ส่วนแผงคอนโซลหรูหราด้วยแกรนด์เปียโนแบล็กตัดขอบด้วยสีโรสโกลด์ สวยงามด้วย ambience light การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ เน้นความเรียบง่าย

โดดเด่นสะดุดตากับหน้าจอ intelligent multimedia แบบทัชสกรีน ขนาด 12 นิ้ว ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญอีกจุดหนึ่งของรถคันนี้

เพราะควบคุมระบบการขับเคลื่อน ระบบส่งกำลังระบบการขับขี่อัจฉริยะ และระบบการควบคุมรถต่าง ๆ เพียงสั่งการจากหน้

เนื่องจากหน้าจอดังกล่าวจะเป็นจุดศูนย์รวมเพื่อให้เราเซตตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถ และสั่งการได้จากจอขนาด 12 นิ้ว

แวบหนึ่งแอบคิดว่าถ้าหน้าจอไม่เสถียรพอ จะส่งผลต่อการใช้งานของรถคันนี้ขนาดไหน แต่จากการสอบถามทีมงานการันตีว่า “สบายมาก” ทดสอบกันมาเป็นอย่างดี

เมื่อขึ้นมานั่งในตำแหน่งผู้ขับ ปรับเบาะที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะหน้า เลือกลมเป่าแบบร้อน/เย็นได้

ปรับเบาะให้เหมาะสมกับสรีระกระจกมองซ้าย-ขวาและหลังให้เหมาะเจาะ

เสียดายไปนิดกับรถที่มีพร้อมความล้ำทางเทคโนโลยีขนาดนี้ แต่ในส่วนของการปรับพวงมาลัยนั้น ถ้าเกรท วอลล์ฯใช้ระบบการปรับแบบไฟฟ้ามาให้ น่าช่วยให้ล้ำมากขึ้น

ขนาดของพวงมาลัยไฟฟ้า ดีไซน์แบบ 3 ก้าน ไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่…

โดยเฉพาะในตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา

ส่วนตำแหน่งที่นั่ง ทัศนวิสัยค่อนข้างดี ตามสไตล์รถเอสยูวี

จากจุดสตาร์ตย่านอ่อนนุช เบนหัววิ่งบนถนนสุขุมวิทในช่วงสาย ๆ ของวันจันทร์ ซึ่งสภาพการจราจรแม้จะอยุู่ในช่วงโควิด แต่เส้นทางดังกล่าวเพื่อนร่วมทางสัญจรยังหนาตา

แม้ทีมงานเกรท วอลล์ฯจะใช้รถตำรวจทางหลวงมานำทาง แต่ด้วยขบวนรถฮาวาล เอช 6 ไฮบริดที่ร่วมทริปมีถึง 20 คัน

ไม่ใช่เรื่องง่าย…สำหรับผู้ร่วม “ใช้” เส้นทางในจังหวะชุลมุน ตัดสินใจกระชากพวงมาลัยออกจากขบวนเพื่อมุดออกจากเส้นทางอันคับคั่งให้เร็วที่สุด

ซึ่งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาช่วยได้เยอะขึ้น

ตัดขึ้นบูรพาวิถีระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่าง ๆ เพิ่มความมั่นใจครบครัน

แถมยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบผันแปร มาพร้อมกล้อง ADAS ที่ช่วยแสดงเครื่องหมายจราจรตามพิกัดความเร็วที่กฎหมายกำหนด

และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่เราสามารถตั้งความเร็วได้ และตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย

บางจังหวะหากขับเพลิน ๆ เผลอไปบ้าง มีระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน

จะเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกเลน

แล้วยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน

เมื่อลองกดเรียกกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 เทอร์โบ ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้กำลังรวมถึง 243 แรงม้า

ส่วนแรงบิดนั้นจากเครื่องยนต์สูงสุดที่ 230 นิวตันเมตร และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 300 นิวตันเมตร

ทำให้รถคันนี้มีแรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ทำงานผสานกับเกียร์แบบไฮบริด มี 2 ระบบเกียร์ คือ เกียร์ตัวแรกทำงานกับเครื่องยนต์

ส่วนอีกตัวทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า

ตรงนี้ทีมงานแจ้งว่า เพื่อรองรับกับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย พละกำลัง จี๊ด…เลยทีเดียว แม้ว่าบน “บูรพาวิถี” จะมีกระแสลมปะทะค่อนข้างแรง

ลืมบอกไปนิดว่า การทดสอบครั้งนี้เราเลือกใช้เพียงเเค่โหมดมาตรฐานเท่านั้น ส่วนที่เหลือคือโหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดถนนลื่นไม่ได้เลือกใช้

เมื่อความเร็วเกิน 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่หน้าปัดแสดงความเร็วจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเพื่อเป็นนัยแจ้งเตือนว่าเริ่มขับเร็วไปแล้ว

ส่วนพวงมาลัยเลือกปรับได้ถึง 3 รูปแบบตามการใช้งาน เบา สบาย สปอร์ต

ส่วนการทำงานของระบบไฮบริดในฮาวาล เอช 6 คันนี้ เรียกว่า “ระบบซีรีส์” เริ่มต้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะเข้ามาช่วยทำงาน

และเมื่อใดที่ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรจะเป็นการทำงานของเครื่องยนต์เพียว ๆ

จากสเป็กตามอีโคสติ๊กเกอร์เคลมไว้ว่า รถคันนี้มีอัตราสิ้นเปลือง 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร

ส่วนช่วงล่างแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังมัลติลิงก์ ที่ทางเกรท วอลล์ฯเซตมานั้นเข้าใจว่าต้องการให้ฮาวาล เอช 6 คันนี้เป็นรถเอสยูวีที่เน้นความนุ่ม นั่งสบาย

แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังรู้สึกขัด ๆ กับการเซตพวงมาลัยและช่วงล่าง

ถ้าปรับให้มีความกระชับและเฟิร์มของช่วงล่าง เพิ่มความคมอีกนิดโดยเฉพาะพวงมาลัย รถคันนี้น่าจะเป็นอีกรุ่นที่น่าขับสนุกและถูกใจลูกค้าบ้านเราอีกเป็นกอง…

เมื่อลองเข้าไปนั่งที่เบาะโดยสารด้านหลัง สัมผัสได้ถึงการ “โยก” และ “เเรงเหวี่ยง” จากรถค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

นอกจากการขับบนแทร็กออนโรดแล้ว ทีมงานยังเซตให้เราได้ทดลองระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นไฮไลต์ คือ ระบบการจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ทั้งการเข้าซอง การจอดเลียบฟุตปาทและการจอดแบบทแยง

ระบบช่วยถอยอัตโนมัติที่ใช้งานได้จริงและเป๊ะ เมื่อเราต้องขับเข้าไปยังพื้นที่แคบหรือซอยตัน รถจะช่วยคำนวณเส้นทาง และระบบจะจัดการถอยออกให้เราโดยอัตโนมัติด้วยระบบช่วยจำเส้นทางในขาเข้า

จะถูกสั่งการให้มาใช้ในการถอยออก ตรงนี้ยังลดปัญหาสิ่งกีดขวางข้างทาง แถมยังมีระบบเตือนว่ามีสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง แล้วยังมีระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับขณะถอยหลัง

เรียกว่ารถคันนี้มีระบบเทคโนโลยีจัดมาเพื่อตอบสนองทุกเส้นทาง ก้าวไปไกลถึงขนาดเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบออโตอัตโนมัติระดับ 2 พลัส

สำหรับฮาวาล เอช 6 ไฮบริดคันนี้ เขาจะเปิดราคา 28 มิ.ย.นี้ และมีรถยนต์พร้อมส่งมอบทันทีทุกสี ยกเว้นสีแดงอาจจะต้องมีระยะเวลารอไปราว ๆ เดือนกันยายนโน่น

ไม่รู้ว่าลูกค้าจะอดใจรอไหวหรือไม่

แต่ที่แน่ ๆ หากต้องการให้คะแนนความตั้งใจกับทีมงานเกรท วอลล์ฯ และส่วนตัวรถถ้าเซตช่วงล่างให้เนี้ยบ ยังยืนยันคำเดิมว่า งานนี้มีร้อน ๆ หนาว ๆ แน่นอนสำหรับตลาด C-SUV