สมคิด คืนการเมืองคอกม้า หวังฟ้าลิขิต ชิงนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (แฟ้มภาพ)
คอลัมน์ : รายงานพิเศษ

ชื่อของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ 2 รัฐบาล ยุค ทักษิณ ชินวัตร และยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จรยุทธ์อยู่ในยุทธจักรการเมืองกว่า 2 ทศวรรษ

8 กันยายน 2565 “สมคิด” เปิดตัว ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ปรับออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมศิษย์ก้นกุฏิ-กลุ่ม 4 กุมาร

โดยมีผู้ก่อตั้ง-แกนนำ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.-สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย 4 ภาค ร่วมเป็นสักขีพยานในการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการเมืองหน้าใหม่ของสมคิด ในบทบาท “ประธานพรรค” และผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ตำแหน่งนายกฯไม่มีความหมาย

“สมคิด” เริ่มบิลด์อารมณ์ด้วยการกล่าวถึงบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน “ลูกคลัง” ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ บุตรชายคนสุดท้อง วัย 20 ปี ที่เดินทางมาเป็นสักขีพยานบทบาททางการเมือง-บทใหม่ของผู้เป็นพ่อ

“ผมไม่ได้มาคนเดียว ผมมาพร้อมกับลูกชายคนเล็กของผม ชื่อ น้องคลัง ที่ให้ชื่อคลังเพราะว่า เกิดในสมัยที่ผมได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีคลัง เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้เป็นของขวัญ”

“ผมพาเขามาเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็น ได้รู้ ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีนั้นมีจริง และต้องการให้เขาเรียนรู้ว่า การทำพรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่ของง่าย และต้องการให้เขาเข้าใจว่า ทำไมพ่อของเขาถึงต้องกลับมาช่วยเหลือน้อง ๆ ทั้งหมดคือภาระหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกฯไม่มีความหมาย แต่ที่มีความหมายคือ การเป็นผู้นำที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย”

สมคิดกล่าวว่า ประเทศไทยมีนายกฯมาทุกยุค ทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากจริง ๆ ที่จะหาผู้นำที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่จะพัฒนาบ้านเมืองอย่างจริงจัง บางทีไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึง แต่ไม่คิดจะทำ เพราะ agenda อย่างอื่นนั้นมีมากกว่า

ฉะนั้นวันนี้มาเพื่อให้น้องคลังได้เห็นในสิ่งที่พ่อได้พยายาม ไม่ว่าจะได้มากหรือได้น้อย เป็นเรื่องของชะตาบ้านเมือง

“อย่าคิดว่าการกลับมานั้น หวังเพียงแค่นายกฯ รู้จักคนชื่อสมคิดน้อยไป มีคนเคยบอกว่า เฮ้ย อาจารย์สมคิดไม่มาแน่นอน เพราะคนอย่างสมคิดทุนสังคมมีพอสมควรจะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไม ผมขอบอกตรงนี้ว่า ผมมาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะแคนดิเดตนายกฯ แต่ผมต้องการมาชูให้พรรคนี้เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง”

วิพากษ์การเมืองสนามม้า

นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 “สมคิด” หอบนายอุตตม-สนธิรัตน์ เดินสายพูดคุยกับนักการเมืองรุ่นใหญ่ โดยมีโรงแรมใจกลางเมือง บนถนนราชดำริ เป็นสถานที่ชักชวนมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ มีทั้งที่ปิดดีลลงตัว-ไม่ลงตัว

ปัจจุบันก่อร่างสร้างพรรคชื่อ “สร้างอนาคตไทย” มีนักการเมืองต่างพรรคทั้งพรรคประชาธิปัตย์-พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมอุดมการณ์พรรคที่ขายความเป็นมืออาชีพในการบริหารเศรษฐกิจ เป็นกลาง ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร

โดยเฉพาะขายชื่อ “สมคิด” เป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”

“มาเพื่อให้กำลังใจ ขอบคุณพรรคที่มีความตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจและวางอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน”

“จุดสำคัญที่สุด คือ คุณต้องเป็น กลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังของคนในชาติสามารถเข้ามาร่วมกัน สร้างพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่ การเป็นปฏิปักษ์ในประเทศ ปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติ เป็นสิ่งที่พรรคนี้ต้องอย่าให้เกิด และต้องมุ่งมั่นนำคนดี ๆ มา ทั้งในพรรคและนอกพรรค แล้วบ้านเมืองจะไปรอด”

“ท่านมีความกล้าหาญที่ตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมือง เงินตราเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเพื่อเลี้ยงม้า เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคำว่าประชาธิปไตย คนรุ่นหลังจะหันหลังให้การเมืองเมืองไทยตลอดไป”

“ไม่ต้องไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไม่ได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชน คือ หัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราที่สามารถซื้อคอกม้าใหญ่ ๆ ได้ จะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าคุณเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแบบสร้างโครงสร้างของอำนาจ แต่ถ้าคุณไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนที่มีความรู้ความสามารถ สุดท้ายตัวเองก็จะไปไม่รอด หนำซ้ำจะพาชาติบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย”

โชว์ผลงาน ดีไซน์กองทุน 3 แสนล้าน

“สมคิด” ผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายประชานิยม-ประยุทธ์นิยม สนับสนุนนโยบายจัดตั้ง “กองทุนสร้างอนาคตไทย” วงเงิน 3 แสนล้านบาท ที่พรรคจะใช้เป็นนโยบายหาเสียงเพื่อขอฉันทามติในการเลือกตั้งครั้งหน้า

โดยฝากการบ้านให้ดีไซน์กองทุนเพื่อเยียวยาผู้ที่ยากลำบาก เช่น เกษตรกร ชาวบ้าน เอสเอ็มอี อย่าให้ล้มตาย โดยเฉพาะรากหญ้า

“บัตรสวัสดิการ ใครคิด ใครทำ ทำไมไม่เติมเข้าไป ช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ แก๊สหุงต้ม ปุ๋ย คนแก่ ลูกหลาน สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการ ต้นตอของเงินเฟ้อ คือ ราคาพลังงาน ทำไมไม่หยุดยั้งค่าการกลั่น ค่าการตลาด คนใน ปตท.รู้ดีว่า กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ไม่ต้องให้รัฐบาลบอก ในอดีตได้กำไรไปเท่าไหร่ เป็นแสนล้าน ทำไมไม่ลดค่ากลั่นด้วยตัวเอง ตัดเนื้อตัวเอง เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ เอากำไรที่มีในอดีตที่สั่งสมไว้ มาช่วยชั่วคราว บริษัทนี้ไม่ใช่ของฝรั่ง กรรมการที่นั่งอยู่ กระทรวงการคลังเต็มไปหมด ทำอะไรกันอยู่”

“ผมสนับสนุนพรรคในทุกบทบาท ในทุกรูปแบบ อยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แม้ผมจะอายุมากแล้ว จริง ๆ ผมอยากจะเลิก แต่เห็นใจน้อง ๆ การเมืองไม่ใช่ง่าย ๆ คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่ผมมีแรงบันดาลใจที่ช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ไม่ต้องการแข่งกับใคร แข่งเยอะยิ่งดี จะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร ความคิดต่างไม่ใช่ศัตรู ต้อง respect ต้องรับฟังได้แล้วจะมีพลัง”

หวังกอบกู้เศรษฐกิจ-แก้รัฐธรรมนูญ

“สมคิด” มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน 3 ข้อ ในการตกปากรับคำนั่งเป็น “ประธานพรรค” ให้กับพรรคสร้างอนาคตไทย 1.เป็นพรรคการเมืองที่ดี-มีอุดมการณ์ 2.กอบกู้เศรษฐกิจ-สร้างอนาคต และ 3.เปลี่ยนแปลงการเมือง-แก้รัฐธรรมนูญ

ข้อแรก สร้างพรรคการเมืองที่ดี ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ นโยบาย เป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เกาะเกี่ยวกับภาคประชาชน ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดวาระสำคัญของพรรค ไม่ว่าในสภาหรือนอกสภา

ไม่ใช่เป็นการเมือง ไปหย่อนบัตร 4 วินาที อย่าแสวงหาอำนาจ ให้แสวงหานโยบาย แสวงหาองค์ความรู้และปัญญาร่วมมือกับทุกพรรคนำเสนอสิ่งที่ควรจะเป็น เป็นกลาง ไม่เป็นศัตรู มีโอกาสรวมพลัง พาชาติให้รอด

ข้อที่ 2 เข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจที่ผมเสนอเอาไว้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และข้อ 3 สำคัญที่สุด ทั้งหมดที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ เพราะการเมือง ประชาธิปไตยเป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว แต่กระบวนการประชาธิปไตยไม่ได้เป็นอย่างที่เราวาดฝันไว้

“หนึ่ง ผู้นำอาจจะไม่ใช่นายกฯ แต่ผู้นำคือคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศ สอง พรรคการเมืองทั่วไปต้องร่วมมือ สนับสนุน ต้องสามารถขายแนวความคิดให้ได้ เอามาเป็นพวก เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่เช่นนั้นเลือกตั้งมากี่ครั้ง เหมือนเดิม เพราะแบ่งสรรปันส่วนอาณาจักรกันเรียบร้อย แล้วงานจะเดินได้อย่างไร ภายใต้มรสุมโลก สาม สภา การเปลี่ยนแปลงทุกเรื่อง เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายใหม่ ๆ การรื้อกฎหมายเก่า ๆ หัวใจอยู่ที่สภา”

“สมคิด” ยก professor รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ชื่อ “ดันแคน แม็กคาร์โก” ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ศึกษาอาเซียนหลายแห่งเคยกล่าวถึง รัฐธรรมนูญของไทย ว่า มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือ เขียนขึ้นเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้บางอย่าง เหมือนกับลูกฟุตบอล ที่ดีไซน์ไว้ให้ผู้ชนะเตะ ได้เปรียบในการแข่งขัน ผู้แพ้ไม่ได้เตะ

ฉะนั้นถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงการเมือง ต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแค่กติกาการเลือกตั้ง

“การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ คือ การเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดการ reform ครั้งใหญ่ การปฏิรูปงบประมาณ การกระจายอำนาจ ระบบราชการ ซึ่งต้องไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งมาเขียน ต้องมีส่วนร่วม ทุกเพศทุกวัย คนรุ่นใหม่ไม่ฟังไม่ได้ เพราะเป็นอนาคตของเขา ต้องฟัง ให้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงได้ ดึงภาคประชาชนเข้ามาสนับสนุน เข้ามามีส่วนร่วม เป็นหน้าที่ของพรรคอนาคตไทย”

เป็นผู้นำต้องพร้อม-เป็นนายกฯ ฟ้าลิขิต

“สมคิด” ให้ข้อคิด “พรรคใหม่” การรวมตัวของคนต่างสีเสื้อ-ต่างอุดมการณ์ครั้งใหญ่ ว่าพรรคจะโตขึ้นได้ ประชาชนต้องให้การสนับสนุน ถ้าทำได้ พลังประชาชนจะมาอยู่ข้างหลัง คุณจะได้กี่เสียงก็แล้วแต่ เสียงดังมา พรรคใหญ่ก็ต้องฟัง ผมเชื่อว่าอุดมการณ์ของพรรคเล็กทั้งหลายที่มีอยู่ คิดไปในทางเดียวกันหมด มีใครที่คุยด้วยได้บ้าง ผมอยากให้เป็นบทบาทของพรรคสร้างอนาคตไทย

“อย่ามัวหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การสร้างพรรคการเมืองที่ดี อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน ผมตั้งใจว่า ถ้าคุณหาได้ ผมก็จะหา คนดี ๆ ที่ผมเคยใช้งาน ที่รู้จัก ผมจะเอาเขากลับมาทำงาน ไม่ต้องคำนึงถึงการเมือง คุณอย่ามาบอกว่า (ส.ส.) 7 คน 1 ที่นั่ง (ตำแหน่งรัฐมนตรี) คนเหล่านี้ต้องเข้ามา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม บ้านเมืองถึงจะไปได้”

“ถ้ามี ส.ส. หรือนักการเมืองคนไหนในพรรค ที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมที่จะทรยศอุดมการณ์ ผมขอให้ท่านอุตตม ใช้อำนาจของกรรมการบริหาร ไล่มันออกไปเลย เราต้องเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องไม่มีศัตรู เราต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว ต้องทำเดี๋ยวนี้ ประเทศไทยรอไม่ได้แล้ว”

“อย่าพูดไปเรื่อยว่า สมคิดต้องเป็นนายกฯ การเป็นนายกฯ ฟ้าลิขิต แต่ผมพร้อมเป็นผู้นำของคุณ ถ้าหากยอมรับ (เงื่อนไข 3 ข้อ) ได้ ผมก็พร้อมที่จะเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ผมยินดีช่วยทุกบทบาท” นายสมคิดทิ้งท้าย