สร้างอนาคตไทย ชง ประวิตร รื้อโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่

อุตตม สาวนายน
อุตตม สาวนายน

สร้างอนาคตไทย กระทุ้ง ประวิตร รื้อโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ ชง นโยบาย 4 โซลาร์ แก้วิกฤตค่าไฟฟ้าแพง ซัดโรงไฟฟ้าชุมชนถูกเบรก กระตุก ปตท. ประชาชนถือหุ้นใหญ่

วันที่ 22 กันยายน 2565 ที่พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบาย และนายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรค แถลงข่าวหัวข้อ “ชำแหละประเด็น ค่าไฟแพง แก๊สแพง ใครทำร้ายประชาชน”

พรรคสร้างอนาคตไทย แถลงข่าว “ชำแหละประเด็น ค่าไฟแพง แก๊สแพง ใครทำร้ายประชาชน”
พรรคสร้างอนาคตไทย แถลงข่าว “ชำแหละประเด็น ค่าไฟแพง แก๊สแพง ใครทำร้ายประชาชน”

นายอุตตมกล่าวว่า สถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น สาเหตุทั้งที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คนไทยทั่วประเทศเดือดร้อนอย่างหนัก

นายอุตตมกล่าวว่า ขณะที่ภาครัฐควรต้องดูแลช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว พร้อมจัดเตรียมมาตรการเพื่อให้ประเทศสามารถพลิกฟื้นได้ในช่วงเวลาต่อไป

นายอุตตมกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม มาตรการดูแลประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการในระยะแรกอย่างเร่งด่วนนั้น กลับยังไม่มีให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น กรณีราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันหลายเดือน กระทบกับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งที่รัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“นโยบายจะไปในทิศทางไหน รวมถึงมาตรการระยะสั้นจะดูแลอย่างไร นี่ถือเป็นโอกาสที่จะนำเรื่องพลังงานมาทบทวนกันใหม่ รื้อโครงสร้างใหม่ เพราะต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง และต้องทำอย่างจริงจัง เพราะพลังงานเกี่ยวข้องกับเรื่องต้นทุนการผลิต การบริการ ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง และยึดโยง สุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นว่าภาครัฐต้องเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องทำงานสอดคล้องกันในช่วงวิกฤตเช่นนี้ หวังว่ายังไม่ช้าเกินไปที่เราทั้งภาคประชาชนและภาครัฐจะมาช่วยกันปรับเปลี่ยนดูแลให้ประเทศผ่านวิกฤตช่วงนี้ไปให้ได้” นายอุตตมกล่าว

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราจะปล่อยให้สถานการณ์ค่าครองชีพเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อีก 6-7 เดือนจะเลือกตั้ง คิดว่าประชาชนจะลำบาก วันนี้ประชาชนแบกภาระค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เรามีไฟฟ้าส่วนเกินเกือบครึ่งที่ประชาชนต้องแบกภาระบางส่วน และการเปลี่ยนผ่านสัมปทานการผลิตก๊าซที่ทำให้ปริมาณลดลง กระทบต่อความมั่นคงทางพลังงาน

“ปัจจุบันกำลังการผลิตแก๊สในอ่าวไทยลดลงตามลำดับ ผมเคยส่งสัญญาณเตือนแล้วว่าแก๊สในอ่าวไทยจะมีปัญหาจากการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ราบรื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาแก๊สที่สูงขึ้น เพราะการบริหารการเปลี่ยนผ่านที่ล้มเหลว ทำให้เราต้องนำเข้าแอลเอ็นจีจากต่างประเทศ ซึ่งแอลเอ็นจีในตลาดโลกมีราคาสูงมาก” นายสนธิรัตน์กล่าว

นายสนธิรัตน์กล่าวต่อไปว่า ด้านอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากราคาแก๊สที่แพงขึ้นมา 33 เปอร์เซ็นต์ สถานการณ์แบบนี้จะยังไม่หยุดจนถึงมีนาคมปีหน้า ที่ประชาชนต้องมาแบกรับภาระจากนโยบายพลังงาน และการบริหารที่ผิดพลาด กำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินที่เกิดขึ้น ใครได้ประโยชน์ ธุรกิจแอลเอ็นจีวันนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุด เอกชนหรือรัฐ หรือค่าการกลั่นที่สูงมากและไม่ได้รับการแก้ไข พรรคเราเรียกร้องตลอดว่า เมื่อเกิดวิกฤตให้เอาต้นทุนจริงออกมาดู หากพรรคสร้างอนาคตไทยเข้าไปบริหาร เราจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา

“ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนจะมีส่วนเป็นเจ้าของพลังงาน หรือที่เรียกว่า Energy for all วันนี้โรงไฟฟ้าชุมชนที่ผมริเริ่มไว้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว วันนี้ผมอยากถามว่าใครแตะเบรกโรงไฟฟ้าชุมชน และทำเพื่ออะไร ถึงเวลารื้อโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ เราจะไม่ปล่อยให้ ปตท.ทำงานแบบใช้โอกาสเกื้อกูล เติบโต และข่มเหงประชาชน” นายสนธิรัตน์กล่าว

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทย ขอนำเสนอนโยบายด้านพลังงาน คือนโยบาย 4 โซลาร์ ได้แก่ 1.โซลาร์รูฟท็อป เพื่อสร้างรายได้ และลดรายจ่ายประชาชน 2.โซลาร์ฟาร์ม บนมิติโรงไฟฟ้าชุมชน กระจายทั่วประเทศ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน 3.โซลาร์สูบน้ำบาดาลทั่วประเทศ และ 4.โซลาร์ลอยน้ำ

สันติ กีระนันทน์
สันติ กีระนันทน์

ทางด้านนายสันติกล่าวว่า แม้บริษัท ปตท.จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่กระทรวงการคลังยังถือหุ้นร้อยละ 51.11 ซึ่งหมายความว่า ปตท.ยังเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนทั้งประเทศคือผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ยากให้ประชาชนได้ โดย ปตท.ซึ่งถือหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน 3 แห่ง ครองสัดส่วนการตลาดกว่าร้อยละ 80 จากโรงกลั่นน้ำมันที่มีในประเทศไทยทั้งหมด 6 แห่ง แต่ ปตท.ก็ไม่ได้แสดงบทบาทดังกล่าว และหากพิจารณาจากกำไรของโรงกลั่นที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ พบว่าในปี 2564 มีกำไรรวมกันถึงกว่า 72,000 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกปี 2565 มีกำไรกว่า 43,000 ล้านบาท เท่ากับมีกำไรเกินกว่าครึ่งหนี่งของปี 2564 มาก

“อย่าบอกว่า ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วต้องทำกำไรสูงสุด เพราะความจริงกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งหมายถึงประชาชนคือผู้ถือหุ้นใหญ่” นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวว่า ขณะที่ ปตท.เองก็กำหนดในยุทธศาสตร์ของบริษัทว่า จะต้องมีธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ของสังคมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชุมชนและประเทศ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลใช้กลไกการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ ปตท.หันมาดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยอย่ามองแต่กำไรสูงสุด ต้องลดกำไรลงเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนด้วย