สุรชาติ-ธนาธร อ่านโจทย์ ส.ว.2566 เมื่อ บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ชิงดาวคนละดวง

สุรชาติ-ธนาธร อ่านโจทย์ ส.ว.2566 เมื่อ บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ชิงดาวคนละดวง

ในปี 2566 สมาชิกวุฒิสภา 250 คน จะมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการเมืองไทยอีกครั้ง

เพราะหลังเลือกตั้ง 2566 ส.ว.ทั้ง 250 จะร่วมกันโหวตเลือกบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ

จึงต้องจับตาว่า ส.ว.จะเลือกคนเดิมมาเป็นนายกฯ คนที่ 29 สมัยที่ 3

หรือ ส.ว.จะเลือกคนใหม่ให้มานั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30

หันไปมองผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ที่ถูกมองว่า “กำกับ” ส.ว.ได้

คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็น “ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หวังได้ ส.ส.25 คน จากการเลือกตั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อมีสิทธิเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ ในสภา

และอีกคนคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แคนดิเดตนายกฯ คนแรก และคนเดียวของพรรค จะต้องมาเปิดศึง “ชิงดำ” เก้าอี้นายกฯ กับน้องร่วมสาบานชายชาติทหารของตนเองหรือไม่

แม้ว่า “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานวุฒิสภา ยืนยันว่า ยืนยันได้ว่าผมอิสระ ไม่เคยไปสั่งการใคร แม้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าลุกไปรับโทรศัพท์รับงาน ระหว่างทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมร่วมรัฐบาล ทั้งที่ความจริงลุกไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น

“เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ – พล.อ.ประวิตร ต่อสายไม่ค่อยมี มีคุยเรื่องอื่น คุยธรรมดา แต่พล.อ.ประวิตรท่านไม่คุยด้วย ส่วนที่ตอนนี้มีการแบ่งฝ่าย ส.ว. เป็นของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรนั้น เรื่องนี้มีคนประทับตราให้”

“ผมไม่ทราบ แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้น เพราะส.ว.หลายท่านเคารพนับถือพล.อ.ประวิตรตลอดมา อีกด้านหนึ่งก็ทำงานให้กับพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดมา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา”

“แต่ตามรัฐธรรมนูญส.ว.ต้องวางตัวเป็นกลาง สำหรับตนวางผมเป็นกลางอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดอย่างไรก็คิดได้”

ทว่าในสายตาของ “คนกลาง” อย่าง “ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข” นักวิชาการรัฐศาสตร์ ความมั่นคง วิเคราะห์ ส.ว.250คน ในปี 2556 ว่าเป็น “พรรคทหาร” พรรคแรกในสภา แต่จะทำอย่างไรเมื่อ “ขุนทหาร” แตกคอกัน

“ส.ว.คือพรรคทหารแรก พรรคทหาร 250 เสียง ถ้าผู้นำรัฐประหารเดิมไม่มีเอกภาพ พรรคทหารเดิมในสภาจะมีปัญหาเอกภาพมากน้อยแค่ไหน แล้วพรรคทหาร ส.ว.จะอยู่อย่างไรเมื่อการเมืองเปลี่ยน”

“ส.ว.ก็คงแผลงฤทธิ์บางส่วน เพราะเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยมาโดยตลอด กระแสขวาจัดในหมู่ ส.ว.เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะพวกนี้อาศัย ส.ว.ในการสร้างกระแส กลุ่มพวกนี้คือกลุ่มเดิมที่สร้างกระแสนกหวีด หลังเลือกตั้ง ส.ว.กลุ่มนี้ก็จะสร้างกระแสต่อต้านประชาธิปไตยไม่หยุด ดังนั้น พรรคทหารแรกเป็นโจทย์ที่น่ากลัว ถ้าพรรคทหาร 1 พรรคทหาร 2 อ่อนแรงลง แต่พรรคทหารในสภาไม่อ่อนแรง”

การที่ “พล.อ.ประยุทธ์” กับ พล.อ.ประวิตร แยกทางกันเดิน ชิงดาวคนละดวง จะทำให้การกำกับ ส.ว.อ่อนแรงลงไหม “ศ.ดร.สุรชาติ” มั่นใจว่า อ่อนลงในระดับหนึ่ง แต่ตัวละครหลายตัวในปีกขวาจัดไม่จำเป็นต้องมีใครไปอยู่ข้างหลัง พร้อมเล่นบทในการสร้างวาทกรรม ชุดความคิดขวาจัด ต่อต้านประชาธิปไตยได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร

พร้อมสนับสนุนคนตัวละคนใหม่ๆ ที่อยู่ในปีกขวาจัดขึ้นสู่ตำแหน่ง โจทย์ ส.ว.ขวาจัดยังเป็นปัญหาหลังเลือกตั้ง อาจจะไม่ถึงเป็นตัวแปร แต่เป็นโจทย์ที่น่ารำคาญ และสะท้อนชัดเจนว่า ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งจากการรัฐประหาร ไม่นิยมประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้ง ส.ว.เหล่านี้คืออุปสรรคโดยตรง

“ปีกขวาจัดส่วนหนึ่งยังพยายามที่จะทำให้ตัวพวกเขาเข้มแข็ง สร้างวาทกรรมผ่านสื่อออนไลน์ ผมเชื่อว่าหลังเลือกตั้ง ส.ว.ขวาจัดเหล่าจะออกมาโจมตีเรื่องการเลือกตั้ง โจมตีเรื่องประชาธิปไตย”

ขณะที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า วิเคราะห์ว่า ส.ว.ปี 2566 ว่า ถ้าไม่ปิดสวิชต์ ส.ว. นายกฯ อาจไม่ได้มาจากมติของประชาชนก็ได้ และถ้า ส.ว.มีอำนาจอย่างนี้ ทำให้การตัดสินใจของประชาชนบิดเบือนไปหมด

ดังนั้น ต้องปิดสวิตช์ ส.ว.ให้ได้ จึงต้องฝาก ประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ ต้องรณรงค์เรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. ต้องประกาศล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เอาเสียงของ ส.ว.ไปแอบอ้างในการต่อรองตำแหน่งนายกฯได้

“สมการทุกอย่างตอนนี้ตั้งอยู่บนเสียง ส.ว. โจทย์พรรคการเมืองต้องรวมเสียง ส.ส.ให้ได้คือ 251 คน (เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ในการชี้ขาดเลือกนายกฯ) ไม่ใช่ 376 (125 ส.ส. + 250 ส.ว. ชี้ขาดเลือกนายกฯ) โจทย์ที่ควรจะเป็น

แต่ทุกคนมุ่งไปที่ 376 ใช่ไหม ถึงบิดเบี้ยวแบบนี้ ดังนั้น วาระที่ใหญ่มาก เปิดปีใหม่มาต้องทำจริงจังคือปิดสวิตช์ ส.ว. เพื่อให้ทุกพรรคหันมาตั้งโจทย์ที่ 251 ไม่ใช่ 376 เพราะถ้าโจทย์ ไว้เป็น 376 คุณต้องดึงคนที่กุม ส.ว.ได้ทันที ต้องพร้อมกับคนที่มี ส.ว.อยู่ในมือ ดังนั้น พอไปคิด 376 ก็เป็นแบบนี้ นี่คือผลของระบอบประยุทธ์ เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ