คณิตศาสตร์การเมือง – สมการตั้งรัฐบาล’66 ประยุทธ์ ท้าชิงนายกฯ สมัย 3

เลือกตั้ง 2566 สูตรจัดตั้ง

นักคณิตศาสตร์การเมืองคาดการณ์สูตรการจับขั้วตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งถูกสมมติฐานหลายสูตร

แต่ละสูตรมีปัจจัยรอยร้าวทางการเมืองของ 2 ป. ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นตัวแปร

อีกด้านหนึ่ง ความยิ่งใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ที่สร้างกองกำลังนักเลือกตั้งกว่า 100 ขุนพล ลงชิงเสียงประชาชน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเปลี่ยนสมการการเมือง

“ดร.สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ จัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า มี 2 สูตร

สูตรแรก พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ รวมกันตั้งรัฐบาลเป็นสูตรที่ง่ายที่สุด เพราะ 3 พรรคนี้ น่าจะได้ ส.ส.พอสมควร ประมาณ 300 ขึ้นไป และ พล.อ.ประวิตร ยังมี ส.ว.เป็นพวก จึงง่ายต่อการได้เสียง 375 เกินกึ่งหนึ่ง

แต่ถ้าใช้เงื่อนไข พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยากเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 ต่อ สูตรนี้จะล่ม ขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีกำลังไปยับยั้งสูตรนี้มากแค่ไหน ดังนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องมี ส.ส.ระดับหนึ่ง มายันสูตรนี้ เพื่อดึง พล.อ.ประวิตร ให้อยู่กับฝ่ายตัวเอง ถ้าดึง พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐไว้ได้ อย่างน้อยๆ ส.ว.250 คนก็จะไม่แตกแถว

สูตรที่ 2 คือ พรรคพลังประชารัฐ รวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้เต็มที่ ส.ส. 120 คน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการเป็นรัฐบาล แต่พอใกล้เคียงที่จะได้นายกฯ จากนั้นไปดึง พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ มาเหมือนเดิม จากนั้นมาดูตัวเลขรวมๆ ว่า 4 พรรคนี้ มี ส.ส.รวมกันได้เท่าไหร่ ยังขาดอีกเท่าไหร่ แล้วเติมเสียงจากพรรคเล็ก ถ้ายังไม่พอก็ต้องไปซื้อหน้างาน เช่น พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งพรรคเกิดใหม่จะต้องรวมกันเพื่อเอาตัวรอดในกติกาบัตร 2 ใบ แบบนับคะแนนแยก ส.ส.เขตและส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

อย่างไรก็ตาม แต่เดิม พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวอยู่ “เหนือการเมือง” ไม่ลงมาคลุกฝุ่นกับนักเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อมาถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 เป็นเดิมพัน โดยมีตัวแปรหลักคือพรรคภูมิใจไทย ที่หวังได้ ส.ส.เฉียดร้อยที่นั่ง

ดังนั้น เพื่อไม่ให้พรรครวมไทยสร้างชาติถูกพรรคภูมิใจไทย “ขี่คอ” ดร.สติธร แนะนำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติก็ควรที่จะได้ 70-80 เสียง แล้วมารวมกับพรรคพลังประชารัฐให้ได้ 120 เสียงเท่ากับพรรคพลังประชารัฐตอนเลือกตั้งปี 2562 แต่ดูตัวว่าที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติตอนนี้ยังขาดนักการเมืองประเภทเกรด เอ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องส่งสัญญาณให้ชัด เพื่อดูดนักการเมืองเกรดเอ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้ามาเป็นประธานโปลิตบูโร หรือ เอาตัวไปอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ

“ทาร์เก็ตของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ 80 เสียง เพื่อให้ตนเองดูดีที่สุดเพื่อให้ชนะภูมิใจไทย เพื่อสง่างาม คราวนี้ต้องดูดกันเต็มที่ ได้ไม่ได้ไม่รู้ เขาคิดว่าเคยทำได้มาแล้วกับพรรคพลังประชารัฐ”

ส่วนขั้วฝ่ายค้านเดิม พรรคเพื่อไทย – ก้าวไกล เสรีรวมไทย และขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน ถ้าได้รวมกันไม่ถึง 250 เสียงก็ถือว่าจบ-ปิดเกม ดังนั้น ฝ่ายค้านต้องรวมกันเองให้ได้ 250 เสียง ไว้ก่อนแล้วค่อยมาลุ้นจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แต่ถ้าจะเอาชนะ ฝ่ายค้านต้องได้เสียงมากจนกระทั่งพรรคตัวแปร อย่าง “ภูมิใจไทย” ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเข้าร่วมรัฐบาล กับขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน

เพียงแค่เริ่มศักราช – นักเลือกตั้งยังไม่โหมโรงเต็มที่


แต่สูตรจัดตั้งรัฐบาลถูกอ่านไว้หมดทุกมุม