ประยุทธ์ ถก 4 หน่วยงาน เคาะงบ 67 ยกนิ้วระบบสาธารณสุขไทยเกรดเอ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะ ถกคลัง-แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์-สำนักงบ พรุ่งนี้ เคาะงบประมาณปี 67 วงเงิน 3.35 ล้านล้าน อนุทิน หารือ 3 หน่วยงานในกำกับ วางหลักเกณฑ์รับนักท่องเที่ยวจีน-พิพัฒน์ ยืนยัน เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เข้า ครม. 10 ม.ค.นี้-ไม่เลื่อนอีก

วันที่ 3 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเตรียมมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวจีนที่จะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.นี้ว่า “ก็เขาเปิดแล้วดีไหมล่ะ ดีไหม”

ผู้สื่อข่าวตอบกลับไปว่า “ดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อ่ะ ดี เราก็เตรียมมาตรการของเราก็คือว่า ทำอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบด้านการท่องเที่ยว อันนี้ก็เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องของคณะแพทย์ มีมาตรการต่าง ๆ อยู่แล้ว นะจ๊ะ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวไปต่อว่า วันนี้หลาย ๆ ประเทศเตรียมรับมือตรงนี้อยู่แล้ว บางอย่างอาจจะเหมือนกัน บางอย่างอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ละประเทศมีพื้นฐานการรักษาพยาบาลไม่เท่าเทียมกัน ของเราเกรดเอ ก็ต้องเชื่อมั่นกันตรงนี้ เพราะเป็นรายได้ของประเทศในช่วงนี้ มีอย่างเดียวที่รัฐบาลให้ระมัดระวัง คือ universal prevention รวมถึงมาตรการต่าง ๆ และป้องกันตัวเอง และรักษาพยาบาลได้ ถ้ามีปัญหาสาหัสจะทำอย่างไร เราก็เคยแก้ปัญหามาแล้ว ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ และหลายประเทศก็นำเราเป็นต้นแบบ

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเป็นประธานการประชุม 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือมาตรการรับมือการเปิดประเทศของจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.เป็นต้นไป ที่ทำเนียบรัฐบาล สำหรับวาระการประชุมจะหารือถึงหลักเกณฑ์ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นประเทศจีน แต่รวมถึงทุกประเทศที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยจะออกเป็นมาตรการรองรับเนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 5 จำนวน 5.6 แสนสิทธิ์ วงเงิน 2,000 ล้านบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ผ่านการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วงเงิน 2,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท จะเข้าเสนอที่ประชุม ครม. วันที่ 10 ม.ค. 2566 ไม่เลื่อนแล้ว

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 5.6 แสนสิทธิ วงเงิน 2,000 ล้านบาท รัฐจะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านการสมทบเงินจ่ายค่าโรงแรมและที่พักจากรัฐบาลในสัดส่วน 40% และคูปองอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อวัน ใช้จ่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ ร้านอาหาร ร้านนวดแผนไทย คิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 3,600 บาทต่อสิทธิต่อคน โดยมีการปรับลดจำนวนสิทธิจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย ที่จำกัดสิทธิไม่เกิน 10 ห้องต่อคนต่อคืน เหลือไม่เกิน 5 ห้องต่อคนต่อคืน

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ผ่านการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย อยู่ที่ 20 ล้านคน เป้าหมายรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท หรือฟื้นตัว 80% ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย เกิดการเดินทางไม่ต่ำกว่า 160 ล้านคน-ครั้ง

ขณะที่นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (4 ม.ค. 2566) นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมกับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณากรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท

นายเฉลิมพลกล่าวว่า การจัดงบประมาณปี 2567 เป็นไปตามมติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับรายละเอียดกรอบงบประมาณปี 2567 มีกรอบวงเงินรวม 3.35 ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นมาจากงบประมาณปี 2566 ที่มีวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.65 แสนล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุลวงเงิน 5.93 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณ 3%

โดยมีส่วนของการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล 2.757 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากงบประมาณปี 2566 ทั้งนี้ในปี 2567 รัฐบาลจะคงสัดส่วนงบลงทุนไว้ที่ 20% ของสัดส่วนงบประมาณในภาพรวมหรือประมาณ 7 แสนล้านบาท ตามที่กฎหมายการจัดทำงบประมาณกำหนด