
อนุทินถก 4 หน่วยงาน ทำความเข้าใจรับนักท่องเที่ยวจีน 8 ม.ค. 2566 ยึดมาตรการที่มีอยู่เดิม คาดเข้าไทยลอตแรก 4-5 หมื่นคน-เอาอยู่ เล็งกระทรวงท่องเที่ยวฯ ทวงค่าเหยียบแผ่นดิน
วันที่ 5 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับ 4 กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และกระทรวงต่างประเทศ ว่าเพื่อหารือและรับทราบถึงมาตรการที่จะใช้รองรับสถานการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้กำหนดมาตรการตามหลักวิชาการ
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- กรุงไทย-ออมสิน ระเบิดโปรฯ เงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่
“หลักต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติต่อประเทศทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราไม่ได้มีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศจีน ประเทศจีนกับไทยช่วยเหลือเกื้อกูลมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ทางด้านเชื้อชาติ ความสัมพันธ์ทางด้านเป็นมิตรประเทศ เรากับจีนไม่เคยมีปัญหากัน” นายอนุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยกตัวอย่างได้หรือไม่ว่า มาตรการป้องกันที่แตกต่างจากของเดิม นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ น่าจะใช้มาตรการที่มีอยู่แล้วเดิมให้มากที่สุด วันนี้เรารับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จากใกล้ ๆ จีนก็มี ไต้หวันก็มี ฮ่องกงก็มี สิงคโปรก็มี เวียดนาม ยุโรป ทุกประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีการติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละวันทุกประเทศ
“สิ่งที่เรามุ่งเน้นก็คือ ตัวเราเองต้องหุ้มเกราะให้เรียบร้อยเสียก่อน เน้นให้คนไทยทุกคนควรจะฉีดวัคซีน 4 เข็ม เพื่อความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยหนักและเสียชีวิต นอกจากนั้นก็ใช้มาตรการเดิม ถ้าเราเข้าไปในที่สุ่มเสี่ยงก็ใส่หน้ากากอนามัย ให้การบริการนักท่องเที่ยว ให้การบริการแม้กระทั่งคนในประเทศเองถ้าอยู่ในบริกรก็ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย เราทำตามมาตรฐานที่เป็นสากลทั่วไป จริง ๆ ของเรามากกว่าประเทศอื่น ๆ ด้วยซ้ำ” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่า มาตรการคัดกรองทักท่องเที่ยวจีนใช้เราแค่ ATK หรือ RT-PCR นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะว่าจีนมีมาตรการคัดกรองก่อนออกจากประเทศอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงประเทศไทยก่อนกลับไปประเทศจีนก็ต้องตรวจ RT-PCR 48 ชั่วโมง เราก็เตรียมเรื่องของสถานที่ให้บริการ มีการขึ้นทะเบียนกับสถานทูตจีนว่า โรงพยาบาลไหน คลินิกห้องแล็บไหนที่สามารถตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวจีน หรือผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งผมถือว่าเป็นการคัดกรองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และเพื่อความสะดวกควรจะต้องมีประกันสุขภาพด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาประเทศไทยก็มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว
“วันนี้ก็จะถามกระทรวงท่องเที่ยวฯ ว่าค่าเหยียบแผ่นดินจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ เพราะว่าข้อมูลมาที่ผมยังไม่ชัดเจน ก็จะถาม ส่วนหนึ่งของค่าเหยียบแผ่นดินทางกระทรวงท่องเที่ยวฯก็ได้ชี้แจงมาให้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบว่า เปรียบเสมือนเป็นการทำประกัน ถ้าเกิดจะต้องให้การดูแลรักษานักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วย ไม่เฉพาะโรคโควิดอย่างเดียวจะได้มีงบประมาณ”
นายอนุทินกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย สปสช.ก็มีงบประมาณอยู่ก้อนหนึ่งที่จะให้การดูแลคนต่างชาติ นักท่องเที่ยวที่มาในประเทศไทยเบื้องต้น ซึ่งเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีการนำไปเปรียบนักท่องเที่ยวจีนกรณีเกาหลีใต้ นายอนุทินกล่าวว่า “อย่างเทียบกับประเทศอื่นนะ นี่ประเทศไทย”
เมื่อถามว่า เราจะให้ความมั่นใจกับคนไทยที่กังวลว่าจะเกิดการระบาดอีกครั้งหนึ่งอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า อาจารย์แพทย์หลายท่านออกมาให้ความมั่นใจน่าจะดี ถ้าสำหรับคนไทยไม่ได้อยู่ในระบบราชการของกระทรวงสาธารณสุข อาจารย์แพทย์หลายท่านเลย คณบดีต่าง ๆ ก็ให้ความมั่นใจ ท่านออกตัวให้ถึงขนาดโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ต้องกราบขอบพระคุณท่านจริง ๆ หลาย ๆ ท่าน ซึ่งท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง มีความน่าเชื่อถือ มีหลักวิชาการ
เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวจีนต้องได้รับการฉีดวัคซีนกี่เข็ม และก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะฉีดวัคซีนให้ฟรี นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่มีไอเดียฉีกวัคซีนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติฟรี แต่ถ้ามาถึงประเทศไทยและมีความประสงค์ฉีดวัคซีนชนิดอื่น ๆ เพราะประเทศจีนอาจมีข้อจำกัดไม่สามารถเลือกวัคซีนได้ จึงเปรียบเสมือนมารับบริการทางการแพทย์และเก็บค่าบริการ ไม่ฟรีแน่นอน เราอยากได้นักท่องเที่ยวให้เข้ามาประเทศไทย แต่ต้องมีเหตุมีผล ไม่แถมแหลก แจกสะบัด
“ทุกกระทรวงร่วมกันติดตามอย่างใกล้ชิด บูรณาการร่วมกัน วันนี้ไม่มี ศบค. เรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์โรคติดต่อต่าง ๆ โรคระบาดต่าง ๆ ก็กลับมาตามเดิม สำหรับกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็ทำหน้าที่อย่างที่ ศบค.เคยทำ แต่ท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม) สั่งได้ทุกหน่วยงาน แต่กระทรวงสาธารณสุขสั่งการข้ามหน่วยงานไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องขอความร่วมมือ ทำความเข้าใจ โดยมีนโยบายตรงกัน เป้าหมายตรงกันว่า เราควรจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มันเสียหายไป วันนี้มีโอกาสกลับคืนมา”
นายอนุทินกล่าวว่า สิ่งที่เราทำมาในอดีต การดูแลนักท่องเที่ยว ระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง คนไทยมีความรอบรู้ทางด้านสุขภาพจำนวนมาก ทำให้คนต่างประเทศเชื่อมั่นในคนไทย ก็โหวตอยากมาเมืองไทยกันทั้งนั้น ในเมื่อเขาอยากมาเมืองไทยกันเยอะ ๆ แล้วเราบอกว่า อย่าเพิ่งเข้ามา เราไม่พร้อม เราไม่ต้อนรับ แล้วที่เราเสียหายไปจะทำอย่างไร ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะตีคืนในสิ่งที่เราเสียหายไป และเรามีความพร้อม
เช่น คนไทยได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก คนไทยติดโควิดมาระดับหนึ่งซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติเพิ่มขึ้น ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน เตียง หมอ พยาบาล อสม.มีความพร้อมและเข้าใจการรักษาในสถานการณ์โรคโควิด ทุกอย่างเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เราให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของเรา
เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวจีนไปได้ทั่วประเทศ ไม่มีการจัดกัดพื้นที่ หรือโซนนิ่งใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี
“ตอนนี้เราจะไม่มีนักท่องเที่ยวจีน นักท่องเที่ยวฝรั่ง นักท่องเที่ยวอาหรับ ทุกคนคือนักท่องเที่ยว ทุกคนมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อโควิด แต่เป็นเชื้ออะไร เชื้อใหม่ไหม ถ้าเป็นเชื้อใหม่ มาตรการวันนี้ก็เปลี่ยนได้ เปลี่ยนมาตรการใหม่” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีแนวทางอย่างไร ประชาชนยังรู้สึกบูลลี่ นายอนุทินกล่าวว่า “ผมยังไม่เห็นใครบูลลี่นะครับ เป็นกระแสทั่วประเทศอะไรแบบนี้ จริง ๆ คนจีน คนไทยไม่เคยมีปัญหา เราก็คนจีน จีนไทยเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันโดยตลอด ทำตามมาตรการทางการแพทย์เป็นตัวกำหนด เป็นแนวทางปฏิบัติ ทำนอกแนวทางไม่ได้”
เมื่อถามว่า มีรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาประเทศไทยหลังวันที่ 8 ม.ค. 2566 ลอตแรกจำนวนเท่าไหร่ นายอนุทินกล่าวว่า รายงานมาเป็นภาพรวมว่า ช่วงเดือนแรก ๆ ประมาณ 4-5 หมื่นคน ซึ่งอยู่ในวิถีที่เรารับมือได้อยู่แล้ว เราเคยรับมือนักท่องเที่ยวมาปีหนึ่ง 30-40 ล้านคน ตอนนี้เพิ่งกลับเข้ามาปีหนึ่งยังไม่ถึง 10 ล้านคน
- ททท.ภูเก็ตพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน 8 ม.ค.นี้
- หยุดปีใหม่ 3 วัน ภูเก็ต เงินสะพัดกว่า 6 พันล้านบาท
- ภูเก็ต ท่องเที่ยวคึกคักรับปีใหม่ ลุ้นปีนี้รายได้ทะลุเฉียด 2 แสนล้าน
- คมนาคมถม 8 หมื่นล้าน เปิดภูเก็ต เจียระไนไข่มุกอันดามัน
- 3 สมาคมร่วมแก้ปมแรงงานภาคท่องเที่ยวภูเก็ต ขาดแคลนเร่งด่วน
- ตั๋วเครื่องบินแพง เอกชนภูเก็ตวอนรัฐแก้ หวั่นฉุดการฟื้นตัว