เปิดท็อปทรีเอสเอ็มอีดาวรุ่ง ธ.ค.65 อสังหาฯ แรง ก่อสร้าง-ร้านอาหารโลด

ปกเรื่อง ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะ บอร์ด สสว. เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อุ้ม SME ชี้ ดัชนีเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 5 สูงสุดรอบ 21 เดือน เปิด 3 อันดับแรกสูงสุดเอสเอ็มอีตั้งใหม่ เดือนธันวาคม 2565 อสังหาฯ สูงสุด 352 ราย อันดับสอง ธุรกิจก่อสร้าง 318 ราย อันดับสาม ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหาร 201 ราย คาด GDP MSME ปี 66 ขยายตัว 4.9% มูลค่าทะลุ 6.13 ล้านล้านบาท

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ครั้งที่ 2/2566

การประชุมครั้งนี้มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เข้าร่วมด้วย

โดยนายอนุชาเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาและรับทราบในประเด็นสำคัญ เช่น รับทราบและติดตามรายงานสถานการณ์ MSME ปี 2565 สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส 4 โดย สสว.จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบต่อไป

จากรายงานสถานการณ์ MSME ปี 2565 ดังกล่าวโดยสรุปพบว่า

  1. GDP MSME: ปี 2565 มีมูลค่า 6.11 ล้านล้านบาท ขยายตัว 4.5% คิดเป็นสัดส่วน 35.2% ของมูลค่า GDP ประเทศ
  2. การส่งออกของ MSME: ปี 2565 มีมูลค่า 1,060,207.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30,508.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.0% สัดส่วนของมูลค่าการส่งออกของ MSME ต่อมูลค่าการส่งออกรวมเท่ากับ 10.6%
  3. การจ้างงานรวม: จำนวน 12.63 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.25% การจ้างงานของ MSME ในระบบประกันสังคม ณ ธ.ค. 65 มีจำนวนผู้ประกันตน มาตรา 33 จำนวน 4,074,240 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.7% และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจะขยายตัว 3.2%
  4. ดัชนีความเชื่อมั่น SMESI: ณ เดือน ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 55.7 สูงสุดในรอบ 21 เดือน
  5. ธุรกิจจัดตั้งใหม่ เดือน ธ.ค. 65 มีจำนวน 4,008 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.2%

Top 3 ธุรกิจตั้งใหม่

สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 352 ราย คิดเป็น 8.8%
  • ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 318 ราย คิดเป็น 7.9%
  • ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 201 ราย คิดเป็น 5.0%

คาดการณ์ว่าปี 2566 GDP MSME จะขยายตัว 4.9% หรือคิดเป็นมูลค่า 6.13 ล้านล้านบาท

โดยความเชื่อมั่นฯ SME ปัจจุบันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และปรับสูงสุดในรอบ 21 เดือน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงสถานการณ์ปกติ โดยเฉพาะกำลังซื้อจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ รวมถึงกำลังซื้อจากแรงงานที่การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น และการจ่ายเงินโบนัสประจำปี ซึ่งเป็นผลดีกับกำลังซื้อ

ขณะเดียวกันแนวโน้มดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยว และกำลังซื้อจะเพิ่ม ทำให้เศรษฐกิจจะกลับสู่ระดับปกติ โดยเฉพาะกับภาคการค้า และภาคการบริการ

นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยให้ฝ่ายเลขาฯ (สสว.) รับข้อเสนอแนะและความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในการจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนสมบูรณ์ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อไป

โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณคณะกรรมการฯ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) และ SME ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้การดำเนินงานมีความก้าวหน้ามาโดยลำดับ

ขณะนี้เป็นช่วงเวลาของการติดตามผลสำเร็จที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงการหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ยังติดขัดอยู่ เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อน SME เดินหน้าได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์จากสิ่งที่ดำเนินการ โดยเฉพาะการทำให้เศรษฐกิจฐานรากและท้องถิ่นมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดังนั้น จึงขอให้ทุกหน่วยงานและทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกันดำเนินการในเรื่องนี้และเรื่องอื่น ๆ ตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

นายอนุชากล่าวต่ออีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามและรับทราบรายงานความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือ SME และการลดภาระค่าใช้จ่ายของ SME โดยเน้นย้ำถึงการเร่งดำเนินการขยายผลมาตรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่กำหนดสัดส่วนให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการ SME ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินงบประมาณในแต่ละปี เพราะวันนี้เศรษฐกิจจะหวังพึ่งพาเรื่องการส่งออกเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องมีการเพิ่มเรื่องของการใช้จ่ายในประเทศให้มากขึ้นด้วย

พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดูแลไปถึงเรื่องของยางพาราไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศให้เพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาล รวมถึงสนับสนุนส่งเสริม SME ไทย เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์และสินค้าภายในประเทศไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันตลอดจนมาตรการกีดกันทางด้านการค้าต่าง ๆ ด้วย

เล็งพัฒนามาตรฐานฮาลาล

นายกรัฐมนตรีขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องมาตรฐานอาหารฮาลาลของ SME ไทยอย่างจริงจัง ให้ได้รับการยอมรับในตลาดประเทศตะวันออกกลางและซาอุดีอาระเบีย เพื่อเพิ่มตลาดใหม่ให้กับสินค้า SME ไทยได้มากขึ้นนอกจากตลาดเดิมที่มีอยู่แล้ว ควบคู่กับการส่งเสริมการส่งออกสินค้า SME ไทยไปขายในต่างประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งสินค้าไทยในต่างประเทศได้รับนิยมอย่างมากในขณะนี้

นายอนุชากล่าวต่อว่า พร้อมกับนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความก้าวหน้าของอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทย ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ (23 ก.พ. 66) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพบว่ามีหลายอย่างมีก้าวหน้าและพัฒนาไปมาก ผลผลิตที่ออกมาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งตรงกับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม

โดยเฉพาะการนำมาใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรและปศุสัตว์ของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมากในการทำให้เกิดการเพิ่มผลผลิตดังกล่าว และมีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล รวมทั้งต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและทิศทางของโลก เช่น เรื่องของการปลูกพืชในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกีดกันทางการค้า

นายอนุชากล่าวทิ้งท้ายว่า พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าผลการประชุมต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล ต้องช่วยกันนำไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีการสรุปรายละเอียดการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ให้ชัดเจนทั้งเรื่องที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว และเรื่องที่ทำอยู่ รวมไปถึงเรื่องที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องต่อไปและเรื่องที่จะทำใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การทำงานเกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมาย ประชาชนพึงพอใจ และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

ทั้งนี้ เรื่องใดที่สามารถทำได้ก็ให้ทำให้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องใดที่ติดขัดอุปสรรคปัญหาก็ช่วยกันหาแนวทางที่จะแก้ไขต่อไป ยึดหลักการทำให้ดี ทำให้ปลอดภัย และทำให้ก้าวหน้า โดยรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาในการดำเนินการต่อไปด้วย