ครม.ขยับแนวที่ดินทำกิน 11 จังหวัด แก้พื้นที่ทับซ้อนอุทยานทับลาน

ครม.ขยับแนวที่ดินทำกิน
ภาพจาก PIXABAY

ครม.เห็นชอบปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ One Map กลุ่ม 3 จำนวน 11 จังหวัด จัดสรรที่ทำกิน-ลดความเดือดร้อนของประชาชน แก้ไขปัญหากรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรีทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map พื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย

นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ สระแก้ว สุรินทร์ อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และเลย (ยกเว้นกรณีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี และให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map

โดยใช้แผนที่ One Map ที่ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วแทนแผนที่แนบท้ายกฎหมาย และใช้เป็นแนวเขตที่ดินของรัฐตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน และมีแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจขึ้นกับประชาชนให้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ที่ให้นำไปใช้กับทุกกลุ่มจังหวัดเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน

และที่ประชุม ครม.ยังรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นกรณีเร่งด่วน

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า การปรับปรุงแผนที่ One Map เป็นการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินเพื่อให้มีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ถูกต้อง ทันสมัย อยู่บนมาตรฐานแผนที่มาตราส่วน 1 : 4,000 ภายใต้แนวความคิด หนึ่งพื้นที่ หนึ่งหน่วยงานรับผิดชอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขความขัดแย้งและข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน

เนื่องจากที่ผ่านมาการกำหนดเขตประเภทที่ดินของรัฐมีความทับซ้อนกัน โดยไทยมีเนื้อที่ประมาณ 320.7 ล้านไร่

“แต่จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า มีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานรวมมากถึง 465.08 ล้านไร่ ซึ่งเกิดจากการมีกฎหมายกำหนดแนวเขตประเภทที่ดินของรัฐหลายฉบับ และใช้มาตราส่วนในแผนที่แนบท้ายแตกต่างกัน ทำให้แนวเขตที่ดินทับซ้อนกัน” น.ส.ทิพานันกล่าว

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า โดยโครงการปรับปรุงแผนที่ One Map แบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 11 จังหวัด เริ่มจาก กทม.และปริมณฑล ซึ่งที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแผนที่ One Map ดังกล่าวไปแล้ว 2 กลุ่ม โดยพื้นที่กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย 11 จังหวัด คือ

นนทบุรี กรุงเทพมหานคร นครปฐม อ่างทอง สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี และพื้นที่กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย 11 จังหวัด คือ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสวรรค์ ระยอง (ยกเว้นกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด) ลพบุรี ศรีสะเกษ และสระบุรี

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map ในพื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด โดยในภาพรวมพบว่า มีพื้นที่ก่อนปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ รวม 89.9 ล้านไร่ ภายหลังปรับปรุงแนวเขต มีพื้นที่ลดลงเหลือ 41.35 ล้านไร่ โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจขึ้นกับประชาชนใช้กับทุกกลุ่มจังหวัดเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น

1.กรณีการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map แล้วปรากฏว่ามีที่ดินของหน่วยงานของรัฐที่จัดสรรให้กับประชาชนตามกฎหมายต่าง ๆ นอกเขตพื้นที่ตามกฎหมาย หรือนอกเขตดำเนินการของหน่วยงานนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

หากประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินมีข้อโต้แย้ง ให้พิจารณาดำเนินการพิสูจน์สิทธิตามกฎหมาย และหาแนวทางแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลนตามมติ ครม. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 61 โดยมีสาระสำคัญ เช่น

เมื่อผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนแล้วว่าเป็นชุมชนที่อาศัยอยู่เดิมจริง ให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่พิจารณาอนุญาตตามกฎหมายโดยไม่ให้เอกสารสิทธิ และอาจกำหนดเงื่อนไขให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลอนุรักษ์พื้นที่ป่าด้วย

3.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตที่ราชพัสดุและที่สาธารณประโยชน์ กรมธนารักษ์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการจัดให้เช่า การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน หรือแนวทางอื่นที่เหมาะสมตามกฎหมาย

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา และปราจีนบุรีนั้น การดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map กรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน ให้ยึดเส้นแนวเขตของ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่ One Map ข้อ 5.1 และข้อ 6.1 คือ

1.ข้อ 5.1 กรณีป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดินให้ใช้แนวเขต ตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่มีแผนงานดำเนินการแล้วเป็นหลัก

และกรณี พ.ร.ฎ.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินทั้งตำบล อำเภอ ที่ ส.ป.ก.ประกาศกำหนดเขตปฏิรูปในภาพรวมทั้งตำบลหรืออำเภอโดยไม่ได้กันบางพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่ป่าออก มีแนวทางดำเนินการ เช่น ให้ใช้แนวเขตปฏิรูปที่ดินตามแผนที่ที่กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติให้ ส.ป.ก. เป็นต้น

2.ข้อ 6.1 กรณีกรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. และได้มี พ.ร.ฎ.กำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินก่อนการกำหนดให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติฯ ให้ใช้แนวเขตปฏิรูปที่ดินเป็นหลัก เว้นแต่เป็นพื้นที่ที่ไม่สมควรนำไปปฏิรูปที่ดิน ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 37 ให้ใช้แนวเขตอุทยานแห่งชาติฯเป็นหลัก

“สำหรับกรณีพื้นที่นอกแนวเขตที่กรมป่าไม้ส่งมอบให้ ส.ป.ก.ดำเนินการ แต่อยู่ภายในเขตเส้นปรับปรุงปี 2543 ที่ประชุมมอบหมายให้คณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง”

“และมาตรการ การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน รับเรื่องไปพิจารณาว่าควรใช้แนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมอย่างไร และให้นำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป เพื่อดำเนินการอย่างเร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ประชาชนประมาณ 300 ราย” น.ส.ทิพานันกล่าว