เลือกตั้ง 2566 หอการค้าไทยชี้ คนสนใจปัญหาทุจริตมากกว่าปากท้อง

เลือกตั้ง 2566 คอร์รัปชัน การทุจริต

เปิดผลสำรวจประชาชน การเลือกตั้ง 2566 กับนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น ชี้เลือกตั้งครั้งนี้คือจุดเปลี่ยน ผู้คนสนใจเรื่องการโกงมากกว่าปากท้อง “หอการค้าไทย” ชี้พรรคการเมืองควรมีนโยบายปรับเปลี่ยนสังคมในระยะยาว เพื่อยกระดับสภาพทางสังคมของประชาชนและประเทศ

วันที่ 9 มีนาคม 2566 ข่าวสด รายงานว่า นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2566

ผลสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 32% ต้องการให้พรรคการเมืองมีนโยบายแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศที่เป็นรูปธรรม 31% นโยบายต้องตรวจสอบได้ 24% ต้องใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และ 13% นโยบายต้องปฏิบัติได้จริง

ส่วนปัญหาสำคัญ 6 ลำดับแรกที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไข

  • 25% ทุจริตคอร์รัปชั่น
  • 14% การศึกษา
  • 13% ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
  • 12% ยาเสพติด
  • 12% สังคม
  • 11% เศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 67% ระบุว่า นโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของพรรคการเมือง และนักการเมือง มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนมาก เพราะต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น 28% ระบุว่ามีผลปานกลาง 3% ตอบว่าไม่มีผลเลย เพราะจะเลือกคนที่ชอบ และ 2% ตอบว่ามีผลน้อย

เมื่อถามว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองที่ไม่มีนโยบายต่อต้านการทุจริตหรือไม่ ส่วนใหญ่ 83.6% ตอบว่าไม่เลือก เพราะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงภาคการเมืองไทย ขณะที่ 16.4% ตอบว่าเลือก เพราะคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติของเมืองไทย

เมื่อถามว่าจะเลือกนักการเมืองที่ให้เงินซื้อเสียงหรือไม่ ส่วนใหญ่ 86.2% ตอบว่าไม่เลือก เพราะเป็นการทุจริตผิดกฎหมาย ขณะที่ 13.8% ตอบว่าเลือก

นางเสาวณีย์ระบุด้วยว่า โพลเลือกตั้งครั้งนี้มีจุดเปลี่ยนต่างจากครั้งก่อน เพราะผู้คนสนใจปัญหาคอร์รัปชั่นมากกว่าปากท้อง ขณะที่การเลือกตั้งครั้งก่อนคนร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นลำดับแรก รองลงมาคือ การศึกษา และคอร์รัปชั่น ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ตอบเหมือนกันว่าจะไม่เลือกนักการเมืองที่ซื้อเสียง

“เลือกตั้ง 2566” คือจุดเปลี่ยนประเทศไทย

มติชน รายงานว่า นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนประเทศไทย ซึ่งจากผลสำรวจปัญหาคอร์รัปชั่นยังสูง บ่งชี้ถึงการแก้ปัญหาสังคมระยะยาว โดยพรรคการเมืองต้องทำให้เกิดจุดเปลี่ยนไปสู่มิติที่ดีขึ้น

เนื่องจากในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ระบุว่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (CPI) ต้องเกินกว่า 50 จาก 100 คะแนน ขณะนี้ไทยได้คะแนนเพียง 36 คะแนน อยู่อันดับที่ 101 ของโลก จากทั้งหมด 180 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 20 ของเอเชีย จากทั้งหมด 31 ประเทศ ดังนั้น พรรคการเมืองควรยึดเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ คือการต่อต้านคอร์รัปชัน และทำนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด

นายธนวรรธน์กล่าวว่า จุดเปลี่ยนหลัก ขณะนี้ไทยกำลังทะยานขึ้นจากประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางไปเป็นประเทศพัฒนาภายใน 20 ปีข้างหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และมีช่วงที่ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันที่จะขึ้นไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ตั้งแต่เกิดวิกฤตปี 2562 ผลกระทบจากสงครามการค้า (เทรดวอร์) ระหว่างสหรัฐและจีน และเผชิญกับสถานการณ์ของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563-2565

กาง 4 จุดเปลี่ยนสำคัญ

นายธนวรรธน์ฉายภาพ 4 จุดเปลี่ยนสำคัญที่มีผลต่อประเทศไทย ดังนี้

1.ทำอย่างไรให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันโดดเด่นและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับจากการลงทุนของชาวต่างชาติ เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยโต 5% โดยประมาณ เพื่อวางรากฐานในอนาคต เพราะไทยเข้าสู่ประเทศผู้สูงอายุ ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องหารายได้เข้าสู่ประเทศ เพื่อทำให้มีศักยภาพดูแลผู้สูงอายุตามหลักกระทรวงสาธารณสุข

2.ประเทศไทยเข้าสู่การเติบโตของประชากรติดลบจากอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิต หมายความว่ากำลังแรงงานตลอดจนความโดดเด่นในเรื่องของกำลังซื้อประชาชนจะมีความน่าสนใจที่จะดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศน้อยลง ดังนั้น หากการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นต่อเนื่องจะยิ่งดึงเงินที่น้อยอยู่ในระบบออกไปสู่มือของคนคอร์รัปชั่น

3.ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนจากยุคแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล ดังนั้น การลงทุนในด้านดิจิทัลเปลี่ยนให้คนรุ่นใหม่ได้ทำธุรกิจด้วยตัวเอง ซึ่งผลลัพธ์แบบต่าง ๆ ต้องมีการเอื้ออำนวยให้มีผู้ประกอบการและคนรุ่นใหม่ที่ประกอบอาชีพได้ เพราะหากกฎระเบียบที่มีความยุ่งยากจะนำพาไปสู่การคอร์รัปชั่นได้ง่ายขึ้นจากความซับซ้อนของกฎหมาย

4.ความโดดเด่นของเอเชียนำโดยประเทศจีน ซึ่งจะขึ้นมาแทนที่ยุโรปและสหรัฐ และจะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตที่โดดเด่น การดึงดูดเม็ดเงินผ่านการขจัดคอร์รัปชั่น ทำกฎหมายให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ทำกฎหมายให้เหมาะสมกับการเข้ามาพักอาศัยของชาวต่างชาติในประเทศ ซึ่งจุดเปลี่ยนทั้งหมดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญไปสู่มิติที่ดีขึ้น

นายธนวรรธน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เวทีการเลือกตั้งครั้งนี้ควรมีนโยบายปรับเปลี่ยนสังคมในระยะยาว เพื่อยกระดับสภาพทางสังคมของประชาชนและประเทศด้วย