ครม.ไฟเขียว เดินหน้าสกุลเงินท้องถิ่น ขยายไปถึงอาเซียน

ค่าเงินบาท เงินบาท วิเคราะห์

ครม. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุม รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 9 เดินหน้าสกุลเงินท้องถิ่นขยายไปประเทศอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย

วันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุม รมว.กระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ 9 พร้อมอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง

โดยสาระสำคัญของ ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นการสรุปผลการประชุมในด้านต่าง ๆ เช่น ความคืบหน้าทางด้านเศรษฐกิจและความท้าทายเชิงนโยบาย ความร่วมมือทางสาธารณสุข และการคลัง ความมั่นคงทางอาหาร การบูรณาการและการเปิดเสรีทางการเงิน การอำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน ความเชื่อมโยงด้านการเงิน บริการ และการชำระเงิน และการบริการด้านการเงินอย่างยั่งยืน

ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ อยู่บนหลักการพื้นฐานของการเป็นประชาคมอาเซียน คือ การส่งเสริมความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือระหว่างกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภูมิภาคอาเซียน และการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) แสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ในการร่วมกันขับเคลื่อน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1.ยินดีต่อความสำเร็จและความคืบหน้าในการดำเนินงาน ของคณะทำงานรายสาขาภายใต้กรอบการประชุม AFMM และกรอบการประชุม AFMGM ในด้านต่าง ๆ

เช่น ด้านการรวมตัวและการเปิดเสรีทางการเงิน เช่น การลงนามร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ฉบับที่ 9 ปัจจุบันสมาชิกอาเซียนลงนามในพิธีสารดังกล่าวแล้ว 8 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ เมียนมา มาเลเซีย เวียดนาม และไทย

สรุปผลการเจรจาปรับปรุงภาคผนวกบริการด้านการเงินภายใต้ความตกลง เขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์-การเริ่มการเจรจาด้านบริการทางการเงินภายใต้เขตเสรีการค้าอาเซียน-แคนาดา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการจัดทำพันธกรณีในการเปิดเสรีการค้า บริการด้านการเงินว่าจะเป็นรูปแบบของบทการค้าบริการด้านการเงิน

ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน มีความคืบหน้าของคณะทำงานด้านภาษีอากรของอาเซียนในการสร้างเครือข่ายอนุสัญญาภาษีซ้อนแบบทวิภาคี ความคืบหน้าของศุลกากรอาเซียนในการดำเนินโครงการ และข้อริเริ่มตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านศุลกากร ปี 2564-2568 และความคืบหน้าของระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ

ด้านความเชื่อมโยงด้านบริการทางการเงินและการชำระเงิน ซึ่งมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการชำระเงินผ่านรหัสคิวอาร์ (QR Code) ข้ามพรมแดนทวิภาคี (การชำระเงินระหว่างประเทศด้วย QR Code เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวในการซื้อสินค้าและบริการระหว่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องแลกเงิน และพกพาเงินสดจำนวนมาก

เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการชำระเงินของนักท่องเที่ยว ที่ไม่สามารถเข้าถึงการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในการรับชำระเงิน จากลูกค้าชาวต่างชาติ ช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมการชำระเงินเมื่อเทียบกับ การรับชำระเงินด้วยบัตรให้ร้านค้าไทย)

และการลงนามในบันทึกความเข้าใจต่อการเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน ระดับภูมิภาคของประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย

ด้านการระดมทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน มีสนับสนุนกองทุนการเงินสีเขียวของอาเซียน (ACGF) แบบถาวร ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริม และพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อสนองต่อวิกฤตการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 3 ปี มีการระดมทุนกว่า 1.9 พันล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ภายใต้ ACGF ทั้งสิ้น 8 โครงการ วงเงินกู้รวม 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

2.รับรองมาตรฐานและเกณฑ์การจัดหใวดหมู่ด้านการเงินที่ยั่งยืนของอาเซียน เวอร์ชัน 2 และสนับสนุนให้มีการจัดการประชุม AFMGM ปีละ 2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี

3.รับทราบในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความคืบหน้าของการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท จดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียนและการเสริมสร้างการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอาเซียน 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน (5 ประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย + บรูไน)

ความคืบหน้าของแผนปฏิบัติการบริหารความเสี่ยงและการประกันภัย เพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติของอาเซียน ระยะที่ 2 และความสำเร็จในการจัดทำรายงานข้อมูลความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและข้อมูลความสูญเสียทางเศรษฐกิจรายประเทศ ของ 7 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ไทย ความสำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัลและสนับสนุนข้อริเริ่มในการส่งเสริม ความครอบคลุมและการจัดประเภทสินทรัพย์ของอาเซียน (ASEAN Asset Class) สำหรับโครงการจัดการลงทุนต่างประเทศในอาเซียน

นายอนุชากล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมว่า ร่างแถลงการณ์ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุม AFMGM ครั้งที่ 9 จึงไม่เป็นสนธิสัญญา ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม ม.178 ของรัฐธรรมนูญ และการให้ความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามนัย ม.169 (1) ของรัฐธรรมนูญ หลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบแล้ว จะเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาทราบ เพื่อแจ้งความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 9 ต่อไป

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ 9 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดประชุมไปเมื่อวันที่ 29-31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาที่เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

โดยการนำเข้าขอความเห็นชอบจาก ครม.ในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนการรับรองแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมหลังจากที่ชาติสมาชิกเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมกัน และเนื่องจากมีการยุบสภาฯและเป็นรัฐบาลรักษาการจะต้องส่งเรื่องที่ ครม.เห็นชอบแล้วส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาด้วย

นายอาคมกล่าวว่า สาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ฉบับนี้ครอบคลุมเรื่องสำคัญหลายเรื่อง รวมทั้งการส่งเสริมสกุลเงินท้องถิ่นให้มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในขณะนี้เงินบาทของเราก็มีบทบาทมากขึ้นในการใช้ซื้อขายสินค้าบริเวณชายแดนซึ่งก็อยากจะผลักดันให้มีการใช้เงินบาทในการทำธุรกรรมกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคมากขึ้น

โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการทดลองการใช้สกุลเงินท้องถิ่นร่วมกับบางประเทศเช่น สิงคโปร์ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีโครงการทีทำร่วมกับอินโดนีเซีย และเวียดนามซึ่งเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นและควรมีการส่งเสริมเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนมีความสะดวกมากขึ้น