เปิดแผน 5 พรรคหาเงินเข้าประเทศ ล้วงกองทุนมนุษย์เงินเดือน+รีดภาษีคนรวย

ป้ายหาเสียง
คอลัมน์ : Politics policy people forum

นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง คือ สัญญาประชาคมที่ให้ไว้ว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล ภายในระยะเวลา 4 ปี จะทำอะไร-อย่างไร เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกตั้ง-ครบวาระจะเลือกกลับมาอีกหรือไม่

ฤดูการเลือกตั้ง 66 พรรคการเมืองตีปี๊บนโยบายใช้เงิน “ประชานิยมสุดโต่ง” หาเสียง-เกทับ “คู่แข่ง” เพื่อหวังจูงใจให้มาลงคะแนน กลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อ-นโยบายขายฝัน คู่ขนานกับ “นโยบายหาเงิน”

พลังประชารัฐปฏิรูประบบภาษี

“อุตตม สาวนายน” ประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พลังประชารัฐ บอกวิธีการหาเงิน คือ เรื่องภาษี ปรับระบบภาษีทุกประเภท

“ภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยปัจจุบัน 10% แต่ใช้แค่ 7% ถ้า 10% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 12% แถวอาเซียนอยู่ประมาณ 9% ถ้าเราอยู่ 10% ก็เรียกว่าเกาะกลุ่ม”

“ถ้าเพิ่มได้อะไร ก็จะได้รายได้เข้ารัฐปีละ 80,000 ล้านบาท ถึง 100,000 ล้านบาทต่อปี ผมว่าคุ้ม แต่การพิจารณาต้องรอบคอบ ไม่ใช่บอกว่าขึ้นก็ขึ้นเลย ดูไทมิ่งก่อน วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจขาขึ้นขาลง ถ้าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นแล้วเป็นไทมิ่งที่ดี ต้องขึ้น ถ้าจีดีพีโตขึ้น 5% ใช่เลย ถ้าไทมิ่งไม่ใช่ ขึ้นเร็วไป วันนี้จีดีพีโต 2% มันกระทบจีดีพีทันที คนจับจ่ายน้อยลง ฝืดเลยนะ เพราะฉะนั้นไทมิ่งวันนี้ยังไม่ใช่”

ภาษีรายได้ส่วนบุคคล ทบทวนค่าลดหย่อนให้มีน้อยลงได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีรายได้สูง (30% 35%) ที่จ่ายจริงไม่ถึงจำนวนมาก รัฐจะได้เงินเพิ่มปีละแสนล้าน

ภาษีนิติบุคคล ทบทวนค่าลดหย่อน ปรับให้เหมาะสม ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละแสนกว่าล้าน ภาษีใหม่ เช่น ภาษีออนไลน์ ภาษีความหวาน จะเป็นเงินรายได้เข้ารัฐอีกก้อนหนึ่ง

การขยายฐานภาษีและประสิทธิภาพการเก็บ เป็นหน้าที่ ไม่เรียกเป็นนโยบาย พรรคไหนก็ต้องขับเคลื่อนให้หน่วยงานจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเก็บได้มากขึ้น

“ขยายฐานให้ SMEs สตาร์ตอัพและคนตัวเล็กเข้ามา ต้องลงทุน ต้องปรับโครงสร้างหนี้ เติมทุนใหม่ เงื่อนไขต้องเข้าฐานภาษี ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ กระทรวงการคลังจะเป็นกระทรวงแรกที่กรมจัดเก็บภาษีใช้บล็อกเชนทั้งกระทรวง”

“อำนวยความสะดวกได้เร็วขึ้นสำหรับประชาชนในการชำระภาษี ติดตามได้ง่ายขึ้น เงินเยอะนะ ถ้า improve พูดกันตรง ๆ ก็ต้องเสียสละกัน กระทบนะกับสิ่งที่คุณเคยทำ แต่ผลประโยชน์กับประเทศ กับประชาชนมี”

“เรื่องนี้ต้องจริงจัง กระทรวงอื่นด้วย กระทรวงการคลังทำแล้ว ลิงก์กับแบงก์ชาติ ลิงก์กับตลาดหลักทรัพย์ฯ กรมจัดเก็บข้างในรู้หมดแล้วว่าเป็นยังไง จะช่วยต่อต้านการทุจริต ฟอกเงินยากเลย”

กราฟฟิก 5 พรรค

ดึงนักลงทุนต่างชาติ 4 ล้านล้าน

พรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์-หัวหน้าคณะรัฐบาล มี “ขุนพลเศรษฐกิจข้างกาย” อย่าง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี-รมว.พลังงาน

และ “หม่อมปืน” ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ผู้แทนการค้าไทย เป็น “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” โดยมี “พิมพ์เขียว” หารายได้จากต่างประเทศ 4 ล้านล้านบาท ภายใน 3 ปี

มาจากการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ฐานผลิตรถอีวี สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนโครงสร้างดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส มี AWS กูเกิล หัวเว่ย ตัดสินใจเข้ามาลงทุน

รายได้จากชาวต่างชาติที่มีศักยภาพมาพำนักระยะยาวในไทย ประกาศให้วีซ่าและใบอนุญาตทำงานอายุ 10 ปี การปรับปรุงความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย 3 แสนล้านบาท โครงการลงทุนด้านพลังงานอีอีซี 3 แสนล้านบาท

ก้าวไกลรีดไขมันกองทัพ 40%

พรรคหัวก้าวหน้า-ก้าวไกล “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่างเค้าโครงหารายได้ โดยการรีดไขมันจากงบประมาณรายจ่ายปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท โดยการหั่น-ลดโครงการที่ไม่จำเป็นลงได้ 100,000 ล้านบาท

เก็บภาษีคนรวยและทุนใหญ่

ลดขนาดกองทัพ 30-40% เรียกคืนธุรกิจกองทัพมาให้กระทรวงการคลังบริหาร จะได้เงิน 50,000 ล้านบาท เช่น สนามกอล์ฟ ตัดงบฯกลางลดลงได้ 30,000 ล้านบาท รายได้จากเงินปันผลรัฐวิสาหกิจ 30,000 ล้านบาท ส่วนงบฯเงินใหม่-หาเงินเพิ่ม ได้แก่ เก็บภาษีความมั่งคั่งกับคนที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะมีรายได้ใหม่ 60,000 ล้านบาท เก็บภาษีที่ดินรายแปลง-รวมแปลง 150,000 ล้านบาท

เก็บภาษีบุคคลทุนใหญ่ 92,000 ล้านบาท การปฏิรูปสิทธิประโยชน์บีโอไอ 8,000 ล้านบาท การเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี 100,000 ล้านบาท และหวยบนดิน 50,000 ล้านบาท

กุญแจ 3 ดอก ปลุกธุรกิจใหม่

พรรคเพื่อไทย นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่านเขตธุรกิจใหม่ (new business zone) ภายใต้วาทกรรม “กุญแจ 3 ดอก” เพื่อ “ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหล เป็นเงินที่สร้างเงิน”

กุญแจดอกที่ 1 “กฎหมายธุรกิจชุดใหม่” ปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจของ startup และ SMEs ในทุกมิติ รวมถึงดึงเงินนักลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ไขปัญหาด้านใบอนุญาตต่าง ๆ ปัญหาแรงงาน การนำเข้าส่งออก และการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

กุญแจดอกที่ 2 “สิทธิประโยชน์ใหม่” ให้สิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีนำเข้าไม่แพ้ที่ใดในโลก

กุญแจดอกที่ 3 “ระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่” โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนทำงานใหม่ ระบบธนาคารใหม่ เพื่อผลักดันให้ภาคเอกชนขับเคลื่อนได้

นอกจากนี้ ยังดำเนินนโยบาย “รดน้ำที่ราก” กระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก เริ่มต้นแก้ระยะสั้น ดึงการท่องเที่ยวกลับมา เปิดประตูรับเงินจากต่างประเทศ ภายในปี 2570 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาทต่อปี เพิ่มรายได้เกษตรกรที่มีอยู่ 40% คิดเป็นสัดส่วน 8% ของจีดีพี 3 เท่าใน 4 ปี ให้เอสเอ็มอีมีการตลาด-การเงิน การเพิ่มผลิตผล โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ รวมถึงนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์

ปชป.ใช้เงินนอกงบประมาณ

นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ที่แจกเพิ่ม ใช้จ่ายตามแคมเปญหาเสียง ต้องใช้งบประมาณรายจ่าย ถ้าได้เป็นรัฐบาล รวม 685,400 ล้านบาทต่อปี เงินนอกงบประมาณ 460,000 ล้านบาท รวม 4 ปี 2,741,600 บาท

ประกอบด้วย 1.ประกันรายได้ “จ่ายเงินส่วนต่าง” ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด วงเงินที่ใช้ 70,000 ล้านบาท

2.ชาวนา รับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินที่ใช้ 97,000 ล้านบาท

3.นโยบาย 3 ล้านบาท ต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่ วงเงินที่ใช้ 30,000 ล้านบาท

4.ค่าตอบแทน อกม. 1,000 บาทต่อเดือน วงเงินที่ใช้ 900 ล้านบาท

5.ประมงท้องถิ่น รับ 100,000 บาททุกปี วงเงินที่ใช้  300 ล้านบาท

6.Startup-SMEs ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน วงเงินที่ใช้ 3 แสนล้านบาท

7.ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท วงเงินที่ใช้ 160,000 ล้านบาท

8.อินเทอร์เน็ต “ฟรี” ทุกห้องเรียน/ฟรีทุกหมู่บ้าน 1 ล้านจุด วงเงินที่ใช้ 3,600 ล้านบาท

9.เรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ วงเงินที่ใช้ 500 ล้านบาท

10.ฟรี นมโรงเรียน 365 วัน วงเงินที่ใช้ 20,700 ล้านบาท

11.ชมรมผู้สูงอายุ รับ 30,000 บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน วงเงินที่ใช้ 2,400 ล้านบาท

สรุปที่มาของรายได้ที่ใช้ดำเนินโครงการตามนโยบาย ดังนี้

-ปรับลดงบประมาณบางรายการ เช่น งบกลาง รายการสำรองจ่ายฉุกเฉิน การลดงบประมาณโครงการเดิมที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน จำนวน 100,000 ล้านบาท

– ภาษีใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้มีรายได้สูง จำนวน 32,200 ล้านบาท

– การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี จำนวน 100,000 ล้านยาท

งบประมาณสำหรับที่ใช้ประกาศโฆษณา แบ่งออกเป็นนโยบาย

– เกษตรทันสมัย จำนวนเงินที่ใช้ 198,200 ล้านบาทต่อปี (งบฯจ่ายครั้งเดียว 30,000 ล้านบาท ปีถัดไปใช้งบ 168,200 ล้านบาท

– สวัสดิการตลอดชีวิต 162,400 ล้านบาทต่อปี (งบฯหน่วยงานนอก 160,000 ล้านบาท ปีถัดไปใช้งบฯ 10,400 ล้านบาท)

– เศรษฐกิจการค้า 300,000 ล้านบาทต่อปี (เงินนอกงบประมาณ)

– การศึกษาทันสมัย 24,800 ล้านบาทต่อปี

รวม 685,400 ล้านบาทต่อปี (เงินนอกงบประมาณ 460,000 ล้านบาท)

14 พฤษภาคม 2566 เลือกรัฐบาลใหม่ ใช้เงินเป็น-หาเงินเก่ง