เบื้องหลังเกมเชือดนิ่ม ๆ เพื่อไทยชิงประธานสภาโควตารัฐมนตรี คดีหุ้นสื่อ

คดีถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกผูกโยงกับการเคลื่อนเกมการเมือง การเจรจาต่อรองชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คู่ขนานการประสานผลประโยชน์จัดโผโควตารัฐมนตรี

การพบปะเจรจาหน้าฉากของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว 3 รอบ จากงานเลี้ยงสังสรรค์ สู่การประชุมลงนามใน MOU วางเนื้อหานโยบายที่ประกอบร่างจาก 8 พรรค และครั้งล่าสุด 30 พฤษภาคม 2566 ต้องใช้ “พื้นที่ส่วนกลาง” ของพรรคที่ได้คะแนนเสียง ส.ส. อันดับ 3 คือพรรคประชาชาติ (ปช.) เป็นพื้นที่การเจรจา

เบื้องหลังวาระที่ถูกซ่อนไว้ในกำมือของ 2 พรรคใหญ่ อันดับ 1 และอันดับ 2 คือ ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร-เสียงที่จะโหวตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องหาเพิ่มจากวุฒิสภา อีก 64 เสียง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการ “จัดตั้ง” อย่างเป็นระบบ มีแต่เสียงลือ-เสียงเล่า ว่านักการเมืองระดับนำของพรรคเพื่อไทย (พท.) ช่วยเดินสายเจรจา คู่ขนานกับประมุข “บ้านแม่” ของพรรคแกนนำ แยกสายหาเสียงสนับสนุน

บนเดิมพัน-ของหมั้น ในการแต่งงานการเมืองระหว่าง 2 พรรคใหญ่ คือไม่ฟรีโหวตตำแหน่งประธานสภา ต้องเป็นของพรรคอันดับสอง ตำแหน่งตั้งต้น ก่อนนำไปสู่เกมที่ซับซ้อนในการโหวตตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นของพรรคอันดับหนึ่ง ส่วน “สินสอดการเมือง” ที่ฝ่ายพรรคอันดับหนึ่ง ต้องจัดให้ฝ่ายพรรคอันดับสอง คือ โควตารัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ตามสัดส่วนและธรรมเนียม

สารพัดเหตุผลการเมือง และตัวอย่างในต่างประเทศ ถูกหยิบ-ให้ยกความชอบธรรม ของตำแหน่งประธานสภา แก่พรรคอันดับสอง อาทิ สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐนตรี ยังยกตำแหน่งให้ นายอุทัย พิมพ์ใจชน หัวหน้าพรรคก้าวหน้า มี ส.ส. 3 คน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคอันดับ 1 ในรัฐบาล ยังยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 ด้วยจำนวน 53 ที่นั่ง

“ขนาดพรรคการเมืองที่มาจากเผด็จการ มาจากฝ่ายที่สืบทอดการยึดอำนาจ ยังต้องยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคร่วมรัฐบาล แล้วพิธาจะยิ่งกว่า 2 ตัวอย่างที่กล่าวมา ด้วยการยึดทั้ง 2 ตำแหน่งไว้ในพรรคเดียวหรือ” พรรคร่วมรัฐบาลรายหนึ่งตั้งคำถาม

การเจรจาที่นับว่าถึงพริกถึงขิง ถูกตระเตรียมจากพรรคที่เก๋าเกม ตั้งแต่การพบปะพรรคร่วมครั้งแรกคือตำแหน่ง-โควตารัฐมนตรี “ต้องหาร 2” จาก 35+1 ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดตัวเลขสัดส่วน 8.5 ส.ส. ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี และวิธีการจัดโควตาตำแหน่ง 35 ประธานกรรมาธิการสามัญ

ตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักการเมืองเก๋าเกม-รุ่นใหญ่ ที่อยู่คู่สภาผู้แทนราษฎรมาไม่น้อยกว่า 30 ปี คลี่วิธีการไว้ว่า การจัดวางตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากประธานสภาแล้ว การเลือกโควตาประธานกรรมาธิการ ต้องเริ่มจากให้พรรคอันดับหนึ่งเลือกก่อน 3 ตำแหน่ง จาก 35 ชุด จากนั้นที่เหลือ 32 ตำแหน่งหารสอง แล้วเลือกสลับระหว่างพรรคอันดับหนึ่ง สลับกับพรรคอันดับสอง ส่วนพรรคร่วมก็จะได้พิจารณาหลังจากนั้น

คำพูดของหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันแถลงข่าว ตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่บอกว่า “การจัดสรรตำแหน่งต่าง ๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเป็นการแบ่งกันตามวาระงานที่ เราจะใช้วาระงานตามความรู้ ความสามารถ ตามสิ่งที่ได้เสนอร่วมกันใน MOU ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไร กระทรวงไหน” คือสัญญาณที่ส่งได้ชัดเท่าที่จะชัดได้ในเวลานี้

ส่วนเมสเสจการเมืองที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องการใส่กุญแจเดดล็อกให้พรรคอันดับสองคือ “ให้ความมั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

ตัวเลข-โควตาที่ต่างฝ่ายต่างถือไว้ในมือเป็นคู่มือเจรจา จึงตั้งต้นจากคณิตศาสตร์การเมือง ที่ถูกใช้ในการจัดสรรตำแหน่งมาทุกสมัย คือสัดส่วน-สูตรดั้งเดิม หลังจาก 2 พรรคใหญ่หาร 2 จะจัดสรรให้พรรคร่วมรัฐบาล ตามตัวเลข ส.ส.เป็นตัวตั้ง อาทิ โควตาพรรคก้าวไกล มี ส.ส. จำนวน 151 เสียง มี ส.ส.ควรได้ประมาณ 17-18 ตำแหน่ง แม้ว่าการเจรจาโค้งแรก ฝ่ายเพื่อไทยจะเคยเปิดตัวเลขไว้ที่ 15 ตำแหน่ง รวมนายกรัฐมนตรี

โควตาพรรคเพื่อไทย เสียงอันดับสอง จาก ส.ส. 141 เสียง จะได้เก้าอี้รัฐมนตรี 17 ตำแหน่ง โควตาพรรคอันดับสาม ประชาชาติ มี ส.ส. 9 เสียง ได้ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ส่วนโควตาพรรคไทยสร้างไทย มี ส.ส. 6 เสียง คาดว่าสูงสุดคือ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการ

เกมการต่อรอง-ของหมั้น-สินสอดการเมืองยังเคลื่อนได้อีก แต่มีปัจจัยชี้ขาดคู่ขนานการจัดสรรโควตา ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติคือ “คดีถือหุ้นสื่อ” ที่ไม่เคยมีแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่ามี ส.ส.คนไหนรอดพ้น หากพบว่ามีหลักฐานความมีอยู่จริงของหุ้นสื่อของนักการเมืองคนนั้น

“พิธา” ก็อาจจะคาบเส้นยาแดงผ่าแปด ไต่ลวดระหว่างบรรทัด-รายมาตราของรัฐธรรมนูญ และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องได้เสียงการสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างจริงจัง-จริงใจ จากพรรคอันดับสอง จึงจะมีลุ้นหนุนส่งให้เปลี่ยนตำแหน่ง จากว่าที่นายกรัฐมนตรี ขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เสียงขู่-เสียงลือ ต่อหน้าคือหวาน และยืนยันจะหาเสียงช่วยพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เสียงหลังบ้านยังกังวาลหลอน-ลับหลังรอเชือดนิ่ม ๆ ยังดังทั่วกระดานการเมือง