วิโรจน์ ปิดประตูเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลล้างทุกส่วย-ล้มแผนสมคบคิดทุนใหญ่

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดปฏิบัติการ “เปิดโปง” สารพัดส่วย ทำสะเทือนไปทั้งวงการ ตีคู่ไปกับการจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิอาจนิ่งเฉย ต้องเรียก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปหารือ

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “วิโรจน์” ถึงเหตุผลการเปิดปฏิบัติการปราบส่วย แม้ว่ายังไม่มีอำนาจเต็มมือ เป็นรัฐบาลก็ยังไม่ใช่ ไม่มีแม้แต่สถานะ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” แต่ “วิโรจน์” ไม่รอให้ถึงวันที่มีอำนาจ เขาลงมือทำทันที

จุดเริ่มต้นปราบส่วย

วิโรจน์ยืนยันว่า เหตุผลที่ลุยแฉส่วยสารพัดส่วยนั้น คนละวาระกับการ “ตั้งรัฐบาล” แต่เผอิญมาประจวบเหมาะกัน

วาระที่ตรงที่สุดคือ เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19 และยอดขายมีแนวโน้มดีขึ้น ยอดขายไม่ได้กลับมาเท่าเก่า ผู้ประกอบการต้องเจอภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องมาเจอกับการรีดไถเหมือนกับเสือหิว ไม่ได้คุยด้วยปิยวาจา แต่ใช้วิธีการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ทำให้เขาทนไม่ไหวและต้องลุกขึ้นสู้ แล้วบังเอิญว่าช่วงนี้ปัญหาหมักหมมมากับรัฐบาล 9 ปีแล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง

พอระดับผู้บังคับบัญชามาด้วยต้นทุนการจ่ายเงินซื้อตำแหน่ง สุดท้ายก็ไม่พ้นการถอนทุน และการถอนทุนที่ง่ายที่สุดคือการวางเป้าส่วยให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา และการต้องไปแทนคุณกับเจ้าของเงิน คือมาเฟีย จีนสีเทา ที่จ่ายเงินให้กับผู้บังคับบัญชาคนนั้นในการซื้อขายตำแหน่ง แล้วเงินสีเทาใครมีมากสุด ก็พวกมาเฟีย จีนสีเทา ที่เรารู้กัน สุดท้ายก็ต้องถอนทุนคืน และตอบแทนทุนสีเทารายนั้น ๆ

ลุยทันทีไม่รอเป็นรัฐบาล

วิโรจน์กล่าวว่า แรก ๆ ก็มีแว้บหนึ่งว่าเรารอจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จก่อน แต่อีกแว้บหนึ่งคือความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกรีดไถอยู่ทุกวัน ทุกชั่วโมง ต้องรอการจัดตั้งรัฐบาล คำตอบแบบนี้เรายังไม่กล้าตอบเลย เมื่อเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น อยากให้เราช่วยเหลือเขาด้วยในฐานะผู้แทนราษฎร

เราก็ตั้งสติได้ว่าปัญหาแบบนี้ อย่าว่า ส.ส.เลย คนไทยคนหนึ่งควรจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้คอร์รัปชั่นหมดไป ดังนั้น เรารอไม่ได้ ต้อง take action จัดการทันที เท่าที่กรอบอำนาจเราพึงกระทำได้

ระบบอุปถัมภ์ต้นตอปัญหา

แล้วปัญหาสารพัดส่วยเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่ 9 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีอำนาจค่อนข้างเบ็ดเสร็จ “วิโรจน์” ตอบว่า

ปัญหา ต้นตอของปัญหาคือระบบอุปถัมภ์ ระบบพวกพ้อง การซื้อขายตำแหน่ง พอมีระบบแบบนี้ ก็จะเกิดการปราบคอร์รัปชั่น แต่เป็นการปราบคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของตัวเองเป็นหลัก

พอแตะปุ๊บ อ้าว ตรงนี้เป็นน้องนาย เป็นเพื่อนนาย ตรงนี้เป็นเด็กนายฝากมา จึงปล่อยปละละเลย แล้วนับวัน 9 ปีที่ผ่านมาระบบน้องนาย เครือข่ายนาย ก็ขยายตัวถักทอเป็นโครงข่ายใหญ่เบ้อเริ่ม

ถามว่าเริ่มต้นจากอะไร พอเราพูดถึงกฎหมาย ต้องพูดถึง 3 เรื่องคือ 1.กฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่มีหลายฉบับซ้ำซ้อนกัน ขัดแย้งกันเอง มีเนื้อหาเวิ่นเว้อ ไม่เป็นจริงในการปฏิบัติหน้างาน 2.บทกำหนดโทษที่ไม่ได้สัดส่วน 3.กฎหมายที่ให้อำนาจการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่แบบล้นเกิน จากนั้นปัญหาทั้ง 3 เรื่องก็จะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือ หรือช่องทางเรียกรับประโยชน์จากประชาชน

ทั้งการขอใบอนุญาต การขึ้นทะเบียน ทุกการขออนุญาตมีทุจริตทั้งหมด พอเราแตะไปก็มีอีก ส่วยรถบรรทุก เนื้อหมูเถื่อน ที่อันตรายที่สุดที่พยายามจะแตะ คือการซื้อขายตำแหน่งในทุกกระทรวง ทบวง กรม

กระดุมเม็ดแรกแก้ปมส่วย

กระดุมเม็ดแรกแก้ปัญหาส่วยควรเริ่มจากไหน วิโรจน์กล่าวว่าการปราบปรามต้องเกิดขึ้นประปราย แต่ถ้าปราบปรามอย่างเดียวแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้

แต่ระยะยาวคือ เราต้องจัดการซื้อขายตำแหน่ง ระบบตั๋ว ระบบเส้น ระบบฝาก ต้องไม่มี เพื่อลดต้นทุน และทำให้ข้าราชการที่เขามีความสามารถ มีความสุจริตใจในการทำงานได้เติบโตในหน้าที่การงาน สามารถไต่เต้าไปสู่ในระดับบังคับบัญชา พอไม่มีบุญคุณกับมาเฟีย ทุนสีเทา ก็ทำงานได้ตรงไปตรงมามากขึ้น

ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อให้กลายเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นองค์กรอิสระที่เราควรฝากผีฝากไข้เรื่องการทุจริตได้ เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชน เพราะที่ผ่านมา ป.ป.ช.ถูกตั้งคำถามจากประชาชนอย่างมาก เช่น กรณีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ถ้าหากไม่ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนถอดถอนคุณไม่ได้

ต้องพิจารณากฎหมายที่เรียกว่า พ.ร.บ.ปกป้องผู้ให้เบาะแสและเปิดโปงการทุจริต เราต้องมีกฎหมายคุ้มครอง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ กันเป็นพยาน ให้พ้นจากความรับผิด เพราะเราเชื่อว่าคนที่จำใจอยู่ในวงจรทุจริตและอยากออก..มี อยู่ด้วยความไม่เต็มใจ..มี แต่ออกไม่ได้ เพราะเป็นผู้ร่วมดำเนินการ

และคนเหล่านี้มีหลักฐานที่เจาะลึกสาวไปถึงต้นตอได้มากที่สุด ดังนั้น ถ้าเรามีกฎหมายฉบับนี้ จะทำให้คนทำดีออกมาเปิดโปง ทำให้เราทลายวงจรอุบาทว์ได้ทั้งรัง ตั้งแต่หางยันหัว

และคราวนี้จะเป็นกลไกสำคัญมาก ๆ กดให้การทุจริตทำได้เพียงแค่เบี้ยบ้ายรายทาง แต่ถักทอเป็นโครงข่ายอุปถัมภ์ใหญ่โตอย่างปัจจุบันไม่ได้ โตเมื่อไหร่ตายทันที ทลายทั้งรัง คือสิ่งที่เราต้องทำ ท้ายที่สุดคือนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ลง

ไม่สยบยอมองค์กรตอแหล

แต่การไปทำลายเครือข่ายผลประโยชน์ ทำให้พรรคก้าวไกลถูกขัดขวางการเป็นรัฐบาลหรือไม่ “วิโรจน์” กล่าวว่า ถ้าคิดอย่างนี้แสดงว่าที่ผ่านมา นโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นคือเรื่องตอแหลทั้งหมด ประชาชนยอมเหรอ ถ้ามีพรรคการเมืองอยู่พรรคหนึ่งที่จะเข้ามาจัดการปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง

แล้วถูกกระบวนการตอแหล กระบวนการหลอกลวงประชาชนในเรื่องการจัดการคอร์รัปชั่นมาทุบ เพื่อไม่ให้การจัดการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นอย่างจริงจัง คิดว่าประชาชนยอมเหรอ

ยิ่งสะท้อนว่าวาทกรรมที่มาจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เอาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นมารังแกฝ่ายตรงข้ามที่ไม่สมยอมการทุจริตคอร์รัปชั่น

มั่นใจได้เป็นรัฐบาล

พรรคก้าวไกลเป็นความหวังของคน ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลจะทำอย่างไร วิโรจน์ตอบกลับอย่างมั่นใจว่า นาทีนี้ยังมั่นใจว่ายังได้เป็นรัฐบาล เราเห็นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและสื่อมวลชนต่าง ๆ สกัดกั้นไม่ให้ความไม่ถูกต้องเรืองอำนาจ เช่น กรณีหุ้นไอทีวี

ณ วันนี้เลยจุดที่ประชาชนจะยอมรับกับวิชามาร กระบวนการนิติสงครามที่เอามากลั่นแกล้งรังแก ทำลายฉันทานุมัติของประชาชนแล้ว เห็นไหมการรวมตัวกัน การตรวจสอบกระบวนการเหล่านี้ของภาคประชาชน ที่พยายามปกป้องเสียงของประชาชน แสดงว่าขบวนการสมคบคิดการสกัดกั้นพรรคก้าวไกลมีอยู่จริง

“แสดงว่าคำพูดที่เราพูดว่าประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กเกิดขึ้นแล้ว การปกป้องเสียงของประชาชนเกิดขึ้นแล้ว และพร้อมเอาคืนกับคนที่ใช้กระบวนการนิติสงครามในการกลั่นแกล้ง และทำลายเสียงของพวกเขา ณ วันนี้ ผมมั่นใจว่าเราได้เป็นรัฐบาล”

แต่ถ้ามีอภินิหาร เราไม่ได้เป็นรัฐบาล ต้องแบกต้นทุนสูงมากนะ ค่านิยมจอมปลอม ศีลธรรมจอมปลอมที่สร้างขึ้นมาปกป้องเครือข่ายอำนาจ ผลประโยชน์ เครือข่ายอุปถัมภ์ ประชาชนจะตาสว่างทันที ไม่กลับไปเหมือนเก่าอีกแล้ว

เช่น สุรา บอกว่าสุราไม่ดี หรือหวงแหนธุรกิจสุราไว้กับพวกมันพวกเดียวหรือเปล่า หรือธุรกิจกลางคืน สร้างภาพลักษณ์เพื่อให้ระบบส่วย การรีดไถสามารถทำมาหากินได้แต่เพียงผู้เดียว

ถ้าคนไทยตาสว่าง กู่ไม่กลับ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะทำให้พวกนี้เสียผลประโยชน์ระยะยาว และเผลอ ๆ จะถูกเช็กบิลกลับจากกฎหมายที่ทันสมัยขึ้นด้วยซ้ำไป

ใครคือกลุ่มคนถ่อย

วิโรจน์ไม่อาจตอบได้ว่ากลุ่มคนถ่อยคือใคร แต่บอกได้ว่าเป็นขบวนการที่ถักทอ กลุ่มคนถ่อยในแวดวงหนึ่งก็มีกลุ่มหนึ่ง อีกวงหนึ่งก็มีกลุ่มหนึ่ง แต่พื้นฐานง่าย ๆ ต้องมี 1.กลุ่มคนที่เป็นคนทำนโยบาย 2.ต้องมีคนที่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ และเอามารังแกประชาชน 3.กลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือนายทุนผูกขาดที่ได้ประโยชน์จากค่านิยมจอมปลอม ศีลธรรมจอมปลอม หรือกฎหมายจอมปลอม

“พิธา” จะได้เป็นนายกฯ ไหม วิโรจน์ตอบว่า ณ นาทีนี้หลังจากการเปิดโปงคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี คิดว่าไม่มีอะไรที่จะมั่นใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะขบวนการสมคบคิดถูกฉีกหน้ากากออกหมดแล้ว ฝ่ายตรงข้ามถึงมีประเด็นอื่นก็คงไม่มีน้ำหนัก เพราะคนรับรู้แล้วว่ามีขบวนการสมคบคิด

พอมีอภินิหารอะไรออกมาอีก ประชาชนก็จะร่วมกันขุด และคนที่ทำหลักฐานเท็จจะอยู่ได้อย่างไรในโลกที่มีดิจิทัลฟุตพรินต์ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ปลอมแปลงเอกสารก็จบแล้ว แต่ปัจจุบันมีภาพถ่าย มีคลิป คนทำต้องระแวงสุด ๆ