ระวัง…ตกม้าตาย

ประชุมสภา
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : สมปอง แจ่มเกาะ

เอาเข้าจริง ๆ เช้าวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ก็ยังต้องลุ้น (ระทึก) กันอยู่ดีว่าประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล หรือไม่

โหวตครั้งแรกจะผ่านหรือไม่ หากโหวตรอบแรกไม่ผ่าน ก็อาจจะต้องมีการโหวตใหม่อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ในวันที่ 19 ก.ค. และ 20 ก.ค. ที่จะถึงนี้

เช้านี้ ระหว่างที่นั่งปิดต้นฉบับ (11 กรกฎาคม) มีรายงานข่าวว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะมีการปะชุมหารือแนวทางการโหวตนายกฯ และการเตรียมรับมือกับเกมการป่วนของฝ่ายค้าน และ ส.ว. ก่อนจะมีการนัดหมายประชุมวิป 3 ฝ่าย ส.ว. รัฐบาล และฝ่ายค้านต่อไป

ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว (10 กรกฎาคม) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ก็มีการหยิบยกเรื่องกรณีการถือหุ้นไอทีวี ของว่าที่ นายกฯ ขึ้นมาพิจารณา เพื่อเตรียมจะส่งศาลธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงเลือกตั้ง และเป็นเหตุให้สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.หรือไม่ ซึ่งยังไม่สรุป

ใครที่ติดตามข่าวคราวการเมืองอย่างใจเป็นกลาง ก็จะเห็นว่าเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรี ของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย มันช่างขรุขระมากมาย ไม่เหมือนกับการปฏิวัติ รัฐประหาร ที่ยึดอำนาจด้วยกระบอกปืนและรถถังเอาเสียเลย

Advertisment

เอาเถอะครับ มาถึงวันนี้แล้วก็ต้องมาติดตามดูกันว่า เสียงที่มีอำนาจน้อยจะเป็นเสียงข้างมาก หรือเสียงข้างมากจะมีอำนาจน้อย จะเป็นผู้เปลี่ยนแลนด์สเคปการปกครองประชาธิปไตยแบบไทย ๆ

แต่ก็อย่าลืมว่า ตอนนี้ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤตที่รอการแก้ไขอยู่หลายเรื่อง ทั้งปัญหาสังคม เศรษฐกิจปากท้อง

หากทุกอย่างลงตัว มีนายกรัฐมนตรี มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว เบื้องต้นภารกิจแรกรัฐบาลใหม่ ความต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนานาประเทศ นักธุรกิจ นักลงทุน กฎหมายอะไรที่ยังเป็นอุปสรรค ล้าหลัง ต้องเร่งแก้ เร่งปรับปรุง ไม่ให้เป็นคอขวด

ที่สำคัญ คอร์รัปชั่นคือเรื่องใหญ่ที่ฝังรากลึกมานมนาน ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนที่สนใจจะแก้ไขอย่างจริงจัง ที่ผ่านมารัฐบาลชุดแล้วชุดเล่า มีแต่ลมปากที่สวยหรู รัฐบาลบางชุดถึงประกาศตั้งให้เป็นวาระแห่งชาติกันเลยทีเดียว ช่วงแรก ๆ ก็ดูจะขึงขัง แต่ทำไปทำไปก็เงียบเหมือนเป่าสาก

Advertisment

หนักเข้า ๆ ก็ปากว่าตาขยิบ กินกันตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระดับประเทศ เอานิ้วชี้เอานิ้วจิ้มไปที่ไหนก็เจอที่นั่น

นี่คือต้นทุนทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการทุกคนเบื่อหน่าย และทำให้ประเทศไทยล้าหลังในสายตานักธุรกิจ นักลงทุนชาวต่างประเทศ

ยิ่งปัญหายาเสพติดที่เข้าสู่โซนวิกฤตมานานแล้ว สะท้อนจากข่าวคราวที่มีให้เห็นให้ได้ยินไม่เว้นแต่ละวันว่า คลั่งยา หลอนยา ทำร้ายพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร ฯลฯ เดือดร้อนไปทุกที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้ เพราะยาเสพติดหาซื้อง่าย มีขายเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ราคาถูกแสนถูก ต้องปราบให้สิ้นซาก

เป็นห่วงแต่อนาคตลูกหลานเยาวชนของชาติที่นับวันก็จะยิ่งตกเป็นทาสยาเสพติด ไม่เชื่อลองไปถามโรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัด ตอนนี้หลายแห่งเริ่มจะรับมือไม่ไหวแล้ว คนไข้ที่เข้ามารับการบำบัดรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน ไหนจะยาบ้า ไหนจะกัญชา

นี่ยังไม่นับรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้องหลาย ๆ เรื่องกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ดำดิ่ง โดยเฉพาะประชาชนคนชั้นรากหญ้า ที่รายได้ไม่พอรายจ่าย ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้สินรุงรัง หนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุด

ไม่ต่างจากปัญหาใหญ่ ที่ตอนนี้การส่งออก เครื่องยนต์สำคัญก็มีอันสะดุด ออกอาการแผ่วมา 7-8 เดือนแล้ว จากเศรษฐกิจโลกไม่ดี ประเทศคู่ค้าเศรษฐกิจถดถอย หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว เครื่องยนต์สำคัญอีกตัวหนึ่งที่หลาย ๆ ฝ่ายวาดหวังว่าเป็นที่พึ่งยามยากก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร

พล่ามบ่นมาถึงตอนนี้ ฉุกคิดขึ้นได้ว่า หากหลังมีนายกฯ ชื่อพิธาแล้ว เค้าจะมีสอยมีการเช็กบิลตามหลังหรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นก็…เอวัง!