
ตรวจแนวรบพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก้าวไกล ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค. ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย แสวงจุดร่วมไม่โหวตนายกฯแก้ ม.112
วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 25 คน เพื่อมีมติพรรคประชาธิปัตย์เลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยที่ประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์มีมติเห็นพ้องตรงกัน งดออกเสียงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจน ไม่สนับสนุนพรรคที่มีแคนดิเดตที่สนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคพลังประชารัฐ คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 40 คน ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นประธาน ว่า ทางพรรคพลังประชารัฐ มีการประชุมพรรค
โดยสาระสำคัญ ได้แก่ 1.การเลือกผู้แทน ซึ่งเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐในการทำหน้าที่ประสานกับพรรคอื่น ๆ ซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้ว่าพรรคเราอยู่ในสถานะใด โดยผู้ทำหน้าที่ประสานดังกล่าว มีตนเป็นประธาน นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร เป็นรองประธานคนที่ 1 นายอรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา รองประธานคนที่ 2
“ประเด็นที่สอง พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่เสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยใช้เสียงข้างน้อยอย่างเด็ดขาด และเราจะไม่โหวตให้กับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พลังประชารัฐเป็นพรรคที่มี ส.ส.ลำดับที่ 4 ดังนั้น ขั้นตอนต่อไป หากเกิดอะไรขึ้น เราต้องให้พรรคที่มีเสียงรองลงมาในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนกรณีว่าหากพรรคที่มีเสียงรองลงมา มาติดต่อพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พรรคพลังประชารัฐจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.อีกครั้งเพื่อขอมติพรรค
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจบในทีเดียว ถ้าสมมุติว่าครั้งแรกไม่ผ่านก็ต้องให้โอกาสพรรคอันดับสองในการรวบรวมพรรคร่วม ถ้าพรรคอันดับสองไม่ผ่านก็ให้พรรคอันดับสาม เราจะไม่มีการแทรกแซงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน ว่า
“ที่ประชุม ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติมีมติไม่เห็นชอบโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทางพรรคจะส่งนายศาตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้อภิปรายถึงเหตุผลที่ไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ”
นายอัครเดชกล่าวว่า สำหรับประเด็นการเสนอให้โหวตเลือกกี่ครั้ง นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานวิปของพรรคได้ไปประชุมร่วมกับพรรคอื่น ๆ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีมติแต่งตั้งนายวิทยา ในฐานะประธานวิป นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเพียง 1 ครั้งหรือมากกว่า 1 ครั้ง
ด้านนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สร้างความวุ่นวายให้กับระบบการเมือง และไม่สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองด้วย
ปิดท้ายด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคอันดับสาม 71 เสียง นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า ที่ประชุมมีมติพรรคไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ร่วมมือกับพรรคการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดก็แล้วแต่ที่มีแนวคิดแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งจะเป็นทิศทางในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้