รวมคำมั่น-สัญญา รัฐบาลเศรษฐา ไม่ล้มดิจิทัลวอลเลต-รถไฟฟ้า 20 บาททำทันที
“เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะนายกรัฐมนตรีควบ รมว.คลัง คุมถุงเงินแผ่นดินของประเทศ ออกมาให้คำมั่น-สัญญาต่อนโยบายที่ได้เลือกตั้งหาเสียงไว้ โดยลงลึก-ลงรายละเอียดถึงเม็ดเงินและโครงการที่จะ “ผลิดอกออกผล” ตลอดอายุขัยของรัฐบาล 4 ปีข้างหน้า
ต่อไปนี้ คือ 12 + 1 คำมั่นสัญญาของรัฐบาลเศรษฐา 1
นายเศรษฐาขมวด 12 นโยบายที่เป็น “เรือธง” ของรัฐบาลจะทั่วถึง-เท่าเทียมทุกกลุ่มทั้งคนเมือง-คนต่างจังหวัด ทุกฐานะ-ทุกสาขาอาชีพ
“ในการดำเนินนโยบายเราจะยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งและประชาชนของรัฐบาลนี้ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม คนเมือง คนต่างจังหวัด คนทุกฐานะ ภาคเอกชน ข้าราชการอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง”
แก้รัฐธรรมนูญ ไม่แตะหมวดสถาบัน
เรื่องแรก การปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะดำรงไว้ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เรื่องที่สอง เรื่องการพักหนี้เกษตรกร 9 ปีที่ผ่านมามีการพักหนี้ไปแล้ว 13 หน ถูกต้องที่ผู้อภิปรายกังวลว่าเมื่อพักหนี้ไปแล้วไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เราตระหนักดีในเรื่องนี้ เราจึงมีมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี โดยใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ควบคู่ไปกับการพักหนี้เพื่อให้เกษตรกรหายใจได้ ลืมตาอ้าปากได้ เป็นช่วงที่ฟื้นฟูตัวเอง ทำให้มีกำลังใจในการที่จะกลับมาประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี การพักหนี้หนนี้จะทำประโยชน์มากกว่าการพักหนี้ที่เกิดขึ้นมาในอดีต 9 ปีที่ผ่านมา
เรื่องที่สาม การใช้เงินดิจิทัลวอลเลตภายในรัศมี 4 กิโลเมตร เราตระหนักดีว่าในชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ ขอไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมอีกครั้งตามคำแนะนำของสมาชิกผู้อภิปราย
ส่วนระยะเวลาในการใช้ ภายใน 6 เดือน เรื่องนี้จำเป็น เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ผ่อนปรน 4 กิโลเมตรบางจังหวัด
“มีบางคนบอกว่า อยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตรตามบัตรประชาชน เศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น คนที่มีถิ่นฐานอยู่จังหวัดใดก็ควรไปใช้ที่นั่น มีเวลา 6 เดือน กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้นก็ขอคงไว้ ยกเว้นบางจังหวัด บางเขตอาจจะต้องมีการขยายรัศมีการใช้”
เรื่องที่สี่ ผลักดันการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รัฐบาลมีแผนกำลังดำเนินงานอยู่ เช่น การยกเว้นการขอวีซ่าเข้ามาของบางประเทศ การท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวเติบโตอีกครั้ง ตั้งเป้าสร้างเงินรายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปี
ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันเร็วที่สุด
เรื่องที่ห้า มีคำถามเยอะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ สมควรจะได้รับการปรับขึ้นเป็น 400 บาท โดยเร็วที่สุด และเราตั้งเป้าหมายว่า เราจะทำให้เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5% ต่อจีดีพี ตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขึ้นไป 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน
เรื่องที่หก ราคาพลังงาน เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดีว่า การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ เรามั่นใจว่าจะทำให้ค่าพลังงานต่ำลงอย่างมีนัยได้
เรื่องที่เจ็ด มีคำถามมาเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ยังคงมีอยู่
เรื่องที่แปด เรื่องการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนทำมาหากินได้ ทั้งที่ดิน ส.ป.ก. ที่ดินของหน่วยงานราชการอื่น ๆ ผ่านรูปแบบที่เหมาะสม ทำให้พี่น้องมีที่ดินทำกินอย่างมีศักดิ์ศรี
เรื่องที่เก้า น้ำในอีอีซี เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแลอย่างเหมาะสมทุกมิติ การบริหารจัดการเรื่องน้ำให้มีความเหมาะสมระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภคและการบริหารความสมดุลของระบบนิเวศ
แก้ฝุ่น PM 2.5 ได้ต้นปี’67
เรื่องที่สิบ การแก้ไขปัญหา PM 2.5 อีก 5 เดือนจะเข้าช่วงวิกฤตในภาคเหนือ เราจะเริ่มทำโดยเร็ว เพื่อให้เกิดผลได้ภายในต้นปี’67 ดำเนินการในส่วนที่ไม่ได้ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และเรื่องอื่น ๆ ค่อยดำเนินการกันไปตามขีดจำกัดของงบประมาณที่สามารถทำได้
เรื่องที่สิบเอ็ด ปัญหายาเสพติด รัฐบาลที่มาจากประชาชนถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้เสพเป็นผู้ป่วย เราจัดการแน่นอน สำคัญมากกว่านั้น เมื่อรักษาหายแล้วทำอย่างไรที่จะส่งกลับคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ครอบครัวอย่างมีศักดิ์ศรี และไปประกอบอาชีพ โดยไม่กลับมาเป็นผู้เสพอีก
การจัดการกับผู้กระทำความผิด ยึดทรัพย์ ยังเป็นปัญหาอยู่ รัฐบาลนี้ตระหนักถึงความสำคัญที่สุด ที่ต้องยึดทรัพย์โดยเร็ว การทำลายล้างยาเสพติดที่จับได้ กระบวนการเผา หรือทำลายช้า อาจจะมีการลักลอบเอาออกมาอีก โดยจะเร่งรัดและมีแผนงานระยะสั้น เพื่อสถาบันครอบครัวกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง วันอาทิตย์นี้ตนจะเรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างบูรณาการเพื่อวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และจะแถลงประชาชนอีกครั้ง
“เรื่องที่สิบสอง ขอเน้นย้ำอีกครั้ง เรื่องทุจริต รัฐบาลให้ความสำคัญกับความโปร่งใส เราจะเอาระบบดิจิทัลมาใช้ให้มากขึ้นเพื่อลดการทุจริตประพฤติมิชอบ”
ไม่แตะสมบัติชาติ
“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง อีก 1 ขุนพลข้างกายนายเศรษฐา ออกมาเน้นย้ำนโยบาย “สายล่อฟ้า” อย่าง “ดิจิทัลวอลเลต” อธิบายถึงหลักคิด-วิธีการหาเงินกว่า 5.6 แสนล้านบาท ว่า เรื่องดิจิทัลวอลเลต ซึ่งเป็นนโยบายธงหลักของรัฐบาล ประเด็นแรก ตนยืนยันในหลักคิด กรอบคิดของนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ไม่ใช่กระบวนการได้มาซึ่งคะแนนเสียงระหว่างการเลือกตั้ง แต่เราเล็งเห็นสภาวะเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นต้องมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
“หลักคิดแรกของดิจิทัลวอลเลตคือการกระตุ้นเศรษฐกิจไปที่ชุมชนทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึงด้วยกลไกบล็อกเชน ทำให้เราสามารถเขียนคอนเท็กต์ของบล็อกเชน เพื่อกำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินที่อยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลได้”
หลักคิดที่สอง เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ประชาชนคนไทยทุกคนในอนาคตจะสามารถมีกระเป๋าเงินสองกระเป๋า หนึ่งกระเป๋าเงินสดที่ใช้กันอยู่ทุกวัน กับกระเป๋าเงินดิจิทัลที่สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจดิจิทัลได้
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ประเด็นที่สอง แหล่งที่มาของงบประมาณ เรายึดมั่นเรื่องกรอบวินัยการเงินการคลังเป็นหลัก เราจะไม่แตะต้องสมบัติของชาติ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนวายุภักษ์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนผู้ประกันตน และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เราไม่ริเริ่มแม้แต่จะคิด
กระบวนการที่เราจะทำสุดท้ายจะมีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกรอบการใช้เงินและระยาเวลาในการดำเนินการ รวมถึงกระบวนการนำเงินมาใช้คืนทั้งหมดในระยะเวลาที่กำหนด ไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะ ไม่มีการกู้เพิ่ม และยึดหลักกรอบวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เราขอเวลาไปตรวจรายละเอียดและเดินหน้าโครงการ
“สุดท้ายเม็ดเงินจะไหลไปอยู่ที่ทุนใหญ่ มีการพูดคุยนะครับ ต้องเรียนด้วยความเคารพ โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตไม่มีการเลือกปฏิบัติ เราไม่ได้เลือกว่าสุดท้ายแล้วทุนใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เป็นสิทธิของประชาชนและเราต้องให้ความมั่นใจพี่น้องประชาชนที่จะเลือกกิจกรรมที่จะทำ และรัฐก็จะมีนโยบายประกอบกันเข้าเพื่อจูงใจให้พี่น้องประชาชนใช้เม็ดเงินนี้อย่างเป็นประโยชน์”
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 6 เดือนเสร็จ
นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เป็นอีก 1 คำมั่นสัญญาของ “เศรษฐา” ที่ต้องทำทันที “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม “รัฐมนตรีเผือกร้อน” ต้องทำให้ได้ ยืนยันว่า นโยบายรถไฟฟ้าตลอดเส้นทางจะมีการดำเนินการต่อไป นโยบายนี้จะมีการเริ่มทันที เพื่อสร้างโอกาสความเท่าเทียมให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย โดยจะทำการรวบรวมสัมปทานเดินรถของเอกชนทุกราย ทุกเส้นทาง แล้วแต่งตั้งคณะเจรจากับผู้ที่ได้รับสัมปทานทุกราย ซึ่งต้องลงในรายละเอียด อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นนโบยบายตลอดเส้นทางก็จะดำเนินการได้ทันที
สายสีแดง-สีม่วง ขีดเส้น 3 เดือน
“แต่ในส่วนที่เป็นโครงการ เส้นทางที่อยู่ในการเดินรถของรัฐ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง วิ่งจากตลิ่งชันไปรังสิต รวมระยะทาง 41 กิโลเมตร 13 สถานี ในราคาปัจจุบันอยู่ที่ 14-42 บาท และสายสีม่วง บางซื่อ คลองบางไผ่ รวมระยะทาง 23 กิโลเมตร 16 สถานี ในราคาปัจจุบัน 14-42 บาท ผมจะให้มีการปรับราคาเป็น 20 บาทตลอดเส้นทาง โดยจะเร่งผลักดันให้เริ่มใช้ภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับพี่น้องประชาชน”
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ผู้อภิปรายว่าไม่โปร่งใส โครงการนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. ดังนั้นปัญหาต่าง ๆ ต้องรอ กทม. เป็นผู้ดำเนินการ โดยกระทรวงคมนาคมพร้อมให้การสนับสนุนบนหลักการความถูกต้องโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการ MR-MAP และโครงการแลนด์บริดจ์นั้น เนื่องจากตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ตนขอตรวจสอบในรายละเอียดโดยพิจารณาทุกมิติ ทั้งมิติกฎหมาย มิติที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชน โดยตนขอรับรองว่าจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
“ครั้งนี้ผมเรียนเชิญท่านผู้อภิปราย (นายสุรเชษฐ์ ปวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล) มาหารือรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคม และอะไรที่เป็นประโยชน์กระทรวงคมนาคมจะรับไว้พิจารณา” นายสุริยะกล่าว
- ไฮไลต์ แถลงนโยบายรัฐบาล เศรษฐา นินจา-ล่องหน-เบาหวิว-หลงทิศทาง
- ศิริกัญญา รมว.คลังเงา สอนมวย เศรษฐา ชี้ 2 ทาง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- เปิด 5 นโยบายเร่งด่วน คำแถลงนโยบาย รัฐบาลเศรษฐา 1
- ครม.เศรษฐา ในทักษิณสไตล์ แจกงานรองนายกฯ กรองวาระ ครม.