เอฟเฟ็กต์การขับ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะ สส.พิษณุโลก เขต 1 ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อเดินหน้าการเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน”
ใช้แท็กติกแก้กฎรัฐธรรมนูญ ที่ล็อกเงื่อนไขผู้นำฝ่ายค้านจะต้องเป็น “หัวหน้าพรรค” ที่ไม่มีตำแหน่ง รัฐมนตรี ประธานสภา รองประธานสภา ถึงจะนั่งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านได้
เมื่อ “ปดิพัทธ์” ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้รองประธานสภา จึงต้องใช้การขับ “ปดิพัทธ์” โดยมีเวลาหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน พรรคการเมืองในขั้วเดียวกันต่างอ้าแขนรับ ทั้งพรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทย
ทว่าเกมดังกล่าวทำให้พรรคก้าวไกลถูกตั้งสมญาว่า “ก้าวไกล การละคร” เหมือนกับแฮชแท็กในโซเชียลมีเดียช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ที่โยงถึงพรรคเพื่อไทย สลัดมือก้าวไกล ไปจับมือพรรคการเมืองขั้วเก่าตั้งรัฐบาล ว่าเป็น “เพื่อไทย การละคร”
และดูเหมือนจะลุกลามมากกว่าที่คิด เพราะจากแค่คำครหา อาจบานปลายกลายเป็นคดี
เมื่อ “ศรีสุวรรณ จรรยา” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นเอาผิดพรรคก้าวไกล กับ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นเอาผิดพรรคก้าวไกล และ “ปดิพัทธ์” เนื่องจากการขับ “ปดิพัทธ์” ออกจากสมาชิกภาพเพื่อให้ “สมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่” อันไม่เป็นไปตามนัยทางกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่
เพราะความผิดถึงขั้นขับสมาชิกออกจากพรรคนั้นไม่สอดคล้องกับข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ข้อ 119 ประกอบข้อ 121
อีกทั้งกรณีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง อันเป็นข้อห้ามของมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ตามมาตรา 219 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนและมีความเห็นได้โดยตรง
และยังถูกไล่บี้จากวิปรัฐบาล ยังวางแผนตั้งญัตติด่วนเข้าสภา ถามความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรองประธานสภา ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไป เนื่องจากข้อบังคับข้อที่ 64 (5) ของพรรคก้าวไกล ในการขับใครออกจากสมาชิกพรรคนั้น จะต้องมีมติให้ออก เพราะกระทำผิดวินัย หรือผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายอย่างอื่น
นอกจากนี้ การขาดหายไปของ “ปดิพัทธ์” ยังอาจกระทบเก้าอี้ประธานกรรมาธิการสามัญในสภา จากก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้ 11 คณะ
แต่เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติท้วงว่า จำนวนเก้าอี้ประธานกรรมาธิการ ต้องนำ 500 หารด้วย 35 (จำนวนคณะกรรมาธิการ
พรรคก้าวไกล ได้ สส. 151 คน=10.57 ได้รับปัดขึ้น เป็น 11 คณะ ปัจจุบัน พรรคก้าวไกล 150 สส.=10.50 คณะ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ สส. 36 =2.52 กลายเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติมีมากกว่าที่ 0.52 ต่อ 0.50 พรรครวมไทยสร้างชาติ ควรได้เก้าอี้กรรมาธิการเพิ่มขึ้นอีก 1 คณะ
แต่อีกด้านหนึ่ง พรรคก้าวไกลเปิดศักราชด้วยการเป็น “ฝ่ายค้านเชิงรุก” ปักธงร่างกฎหมายเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม กว่า 50 ฉบับ ทั้งที่ไม่เป็น-เป็นกฎหมายการเงิน เพื่อปั้นผลงานสร้างคะแนนในการเลือกตั้งรอบหน้า
เก็บภาษีมั่งคั่ง 300 ล้านขึ้นไป
ร่างพระราชบัญญัติภาษีความมั่งคั่ง พ.ศ. …. จัดเก็บภาษีการถือครองสินทรัพย์ กระจายความมั่งคั่ง เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
โดยกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี คือบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีมูลค่าสุทธิ “ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท” ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปี ผู้เสียภาษียื่นแบบประเมินภาษีแก่สรรพากรภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
อัตราภาษีที่จัดเก็บจะกำหนดเป็นอัตราเดียว หรือหลายอัตรา จำแนกตามมูลค่าสุทธิก็ได้ ทั้งนี้ อัตราภาษีต้องไม่เกินร้อยละ 0.5 ผู้เสียภาษีอาจขอผ่อนชำระเป็นงวดก็ได้
ผู้ใดมีหน้าที่รายงานบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแต่ไม่มารายงานภายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท ผู้ใดจงใจรายงานบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
ผู้ใดมีหน้าที่ยื่นแบบประเมินภาษี แต่ไม่ยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ผู้ใดจงใจยื่นแบบประเมินภาษีเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีและปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
ผู้ใดขัดขวาง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี หรือทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่อธิบดีมีคำสั่งให้ยึด หรืออายัด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล้อมคอกเลี่ยงภาษีที่ดิน
ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่รกร้างในเมือง เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ขั้นตอน-วิธีการประเมิน และจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กำหนดให้ “ท่าเทียบเรือ” เป็นสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ “ยกเลิก” คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ในการให้ความเห็นชอบอัตราภาษีตามร่างข้อญัตติท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสูงสุด “ไม่เกินร้อยละ 3 ของฐานภาษี”
“ปรับลด” การยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับการประกอบเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย จากเดิมไม่เกิน 50 ล้านบาท เป็น “ไม่เกิน 5 ล้านบาท” ยกเลิกการ “เพิ่มอัตราภาษี” ในกรณีที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างถูก “ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์”
ปรับ “ลดเบี้ยปรับ” จากเดิมที่ร้อยละ 40 ลดลงเหลือร้อยละ 10 ของจำนวนภาษีค้างชำระ และปรับลดเบี้ยปรับในกรณีชำระภาษีก่อนที่จะได้รับหนังสือแจ้งเตือน จากเดิมที่ร้อยละ 10 ลดลงเหลือร้อยละ 1 ของจำนวนภาษีค้างชำระ ปรับลดอัตราเบี้ยปรับในกรณีที่ชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งเตือน จากเดิมที่ร้อยละ 20 ลดลงเหลือร้อยละ 2 ของจำนวนภาษีค้างชำระ
ยกเลิกเกณฑ์ทหารภาคบังคับ
ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. …. ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติที่ไม่มีภัยสงคราม และยกระดับคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทหารกองประจำการ
ให้ถือเอาที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของบุคคลเป็นภูมิลำเนาทหาร ให้ชายไทยตามกฎหมายถูกบรรจุลงบัญชีทหารกองเกิน เมื่อมีอายุย่างเข้า 18 ปี เปิดให้บุคคล “ทุกเพศ” สามารถสมัครเป็นทหารกองประจำการได้
แรงงานลาคลอด 180 วัน
ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. คุ้มครองผู้ใช้แรงงานกว่า 700,000 คนในหน่วยงานภาครัฐ กำหนดให้กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ใช้บังคับกับราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ หากมีบทบัญญัติใดกำหนดสิทธิประโยชน์ “ต่ำกว่า”
ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มี “สิทธิลาเพื่อคลอดหรือเลี้ยงดูบุตร” ต่อหนึ่งครรภ์ “ไม่เกิน 180 วัน” โดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 90 วัน และรับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มอีก 90 วัน มอบสิทธิการลาให้คู่สมรสได้ไม่เกิน 90 วัน
แต่แผนสร้างคะแนนของพรรคก้าวไกลยังถูกสกัดทุกทาง