“เศรษฐา” ปลุกอาเซียนบนเวที WEF เลิกแข่งค่าแรงถูก-ดีลธุรกิจใหญ่ทั่วโลก

เศรษฐาบนเวที WEF

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส ถือเป็นการบุกยุโรปครั้งแรกของนายกฯเศรษฐา และคณะ

นายกฯเศรษฐากล่าวภายหลังจบภารกิจว่า ได้ส่งข้อความถึงทั่วโลกว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับทุกมิติ ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนข้ามประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ยังพยายามชูประเด็นบนเวที คือ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำว่าไทยไม่ได้แข่งกันที่เรื่อง “ค่าแรง” เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อแรงงานไทย พร้อมทั้งชวนผู้นำในอาเซียนว่าต้องปรับตัว

“สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำเสมอทั้งในเวทีผู้นำและเวทีธุรกิจต่าง ๆ คือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งผมได้พยายามแก้ปัญหาและปรับค่าแรงให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน การชักชวนนักลงทุนด้วยค่าแรงที่ต่ำ ไม่เกิดประโยชน์ต่อแรงงานไทย ศักยภาพ ทักษะต่าง ๆ ที่จะไม่ได้พัฒนาและกลายเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ที่แก้ยากยิ่งกว่า”

“ซึ่งผมได้คุยถึงปัญหาค่าแรงต่ำกับผู้นำอาเซียน ท่านนายกฯมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ว่าเราต้องปรับเปลี่ยนแล้ว ไม่ขายนักลงทุนด้วยค่าแรงที่ต่ำ ไทยเองสามารถดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว ด้วยศักยภาพที่หลากหลาย”

บนเวทีเสวนา หัวข้อ “Learning from ASEAN” นายกฯเศรษฐาพูดชัดว่า ค่าแรงขั้นต่ำเป็นสิ่งกีดขวางการเติบโตของภูมิภาค เราไม่สามารถยอมรับให้ประชาชนที่อยู่ระดับล่างสุดของพีระมิดได้รับค่าแรงขั้นต่ำที่มากได้

พร้อมกับยกตัวอย่างเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ค่าแรงงานขั้นต่ำของไทย ได้วันละ 300 บาท วันนี้ ค่าแรงอยู่ที่ 340 บาท ขึ้นมาเพียง 12% ในช่วง 10 ปี

“ผู้นำประเทศอาเซียนควรร่วมกันยกระดับค่าแรงขั้นต่ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และใช้ปัจจัยต่าง ๆ ดึงดูดเงินลงทุนที่มีคุณภาพจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน”

ดังนั้นตลอด 3 วัน เศรษฐาจึงพบปะกับนักธุรกิจ-นักลงทุน ที่ทำธุรกิจสมัยใหม่เพื่อชักจูงการลงทุนเพื่อส่งเสริมการปรับขึ้นค่าแรงของแรงงานไทย

โดยได้พบกับ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft เศรษฐาบอกว่า ความหวังคือ การได้บริษัทใหญ่มาลงทุนเปิด Data Center ในประเทศ ให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Data Center ของภูมิภาค

ต่อมาพบ Ruth Porat, Chief Financial Officer ของบริษัท Google และ President and Chief Investment Officer ของบริษัท Alphabet ได้คุยกันถึงการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในการลงทุน Cloud Center ในไทย ซึ่งการพูดคุยเป็นไปในทิศทางที่ดีครับ

พบปะกับ ดร. Christian Fischer รองประธานกรรมการบริหาร (Deputy Chairman of the Board of Management) บริษัท Robert Bosch บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนําของโลก มีความตั้งใจที่จะขยายการผลิตไปสู่การผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ EV โดยจะสร้างโรงงานเพิ่มในประเทศไทย

ส่วนการหารือ นาย Jens Petter Olsen ผู้บริหารบริษัท Telenor ได้พูดคุยถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่จะยกระดับ Startup และต่อยอดเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญและสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และส่งเสริม Startup ของไทยให้ประสบความสำเร็จระดับ Unicorn มากขึ้น

เวทีที่พบกับนาย James Quincey ประธาน และ CEO บริษัท Coca-Cola ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน โดยที่ทางบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทย และไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค Regional Hub

ส่วนการพบกับนาย Tony Blair อดีตนายกฯสหราชอาณาจักร ผลักดันความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

นอกจากนั้นยังได้พบกับนาย Bernard Mensah ประธาน Bank of America และ CEO ของ Merrill Lynch International ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระดับโลก มีแนวทางความร่วมมือ ทั้งการส่งเสริมให้บริษัทไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการทำ Roadshow ร่วมกัน เพื่อนำประเทศไทยเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีโลกมากขึ้น

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยว่า ตลอดทั้ง 3 วันได้มีโอกาสเจอนักลงทุน และผู้นำประเทศต่าง ๆ จากหลายประเทศในทุกมิติ ทั้งนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.วิโอลา อัมแฮร์ท ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ ในเรื่องของการค้าขาย ซึ่งเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นผู้ค้าที่สำคัญ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า Sultan Ahmed bin Sulayem ประธานกลุ่มบริษัท และผู้บริหารของบริษัท ดูไบ พอร์ต เวิลด์ (DP World) ให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะเขาบริหารท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี อยู่แล้ว คนที่มาเจอก็เป็น CEO ซึ่งเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นดูจากสายตาแล้ว และพูดคุยแล้วมีความเข้าใจประเทศไทยและรักประเทศไทย

และเป็นคนที่กษัตริย์ของดูไบให้ความมั่นใจ ไว้วางใจสูงมาก ก็มีการเชิญมาพูดคุยกันในเดือนหน้า เพื่อไปดูสถานที่ โดยกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ได้พบกับ Mr. Adani ประธานของ Adani Group ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งโชคดีได้มีโอกาสได้เจอ ซึ่งเขาบริหารสนามบินอยู่หลายสนามบินในประเทศอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองรอง ก็เป็นที่ประจักษ์ดีว่าเขาก็อยากบินเข้ามาในเมืองรองของไทย ได้พูดคุยตอกย้ำเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ว่าอยากให้มีการกำหนดระยะเวลาเข้าออกของสายการบินเพิ่มมากยิ่งขึ้น

“Mr.Adani ให้ความมั่นใจว่า จะไปช่วยพูดให้ และจะพยายามเปิดการกำหนดระยะเวลาเข้าในไทยให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ เขาสนใจมาก เพราะเขาเองกับอินเดียมีการทำเรื่องโลจิสติกส์การเชื่อมต่อตะวันออกกลาง ตรงนี้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ในภาพครบ และเข้าใจว่าเดือน ก.พ. Mr.Adani จะเดินทางมาดูพื้นที่จริงด้วย” นายเศรษฐากล่าว