ศาลรัฐธรรมนญสั่งให้พิธาและพรรคก้าวไกล ยุติการหาเสียงด้วยนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
วันที่ 31 มกราคม 2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในขณะนั้นผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสอง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดต่อไปในอนาคตด้วย
2 คำขอให้หยุดการกระทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องของนายธีรยุทธ ระบุตอนหนึ่งว่า “การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเรียกร้องเพื่อให้มีการ…ยกเลิกกฎหมายที่ห้ามผู้ใดล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เคารพสักกะระ อันนำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพที่เกินความพอเหมาะพอควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด”
การที่ผู้ถูกร้องที่ 1 (นายพิธา) และผู้ถูกร้องที่ 2 (พรรคก้าวไกล) ดำเนินการให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จะส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ อันนำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพที่เกินความพอเหมาะพอควร
มีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และในประการที่อาจนำไปสู่การเซาะกร่อนบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่มีลักษณะเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของราชอาณาจักรไทย อันอาจจะเป็นการนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบอื่น ย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่เข้าข่ายจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผู้ร้องจึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญโปรดพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการดำเนินการใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112
และให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่ และเลิกดำเนินการใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง
เปิดมติเอกฉันท์ 9 ตุลาการ
สำหรับรายชื่อตุลาการ 9 รายที่ลงมติเอกฉันท์ ได้แก่ 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 2.นายนภดล เทพพิทักษ์ 3.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 4.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 5.จิรนิติ หะวานนท์ 6.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 7.นายปัญญา อุดชาชน 8.นายอุดม รัฐอมฤต 9.นายวิรุฬห์ แสงเทียน
พิธามั่นใจความบริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแกนนำของพรรคก้าวไกล ทั้งนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึง สส.ของพรรค ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ก่อนที่ในเวลาประมาณ 14.00 น. สส.พรรคก้าวไกลจะร่วมกันฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยแล้วเสร็จ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง จะร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยนายพิธากล่าวว่า ไม่กังวล ยังมั่นใจ ขอไปฟังคำวินิจฉัยก่อน แล้วจะมีการแถลงอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ยอมรับว่ามีการเตรียมการ แต่ขอรอฟังคำแถลง ขณะนี้ให้สัมภาษณ์ได้เพียงว่ายังมั่นใจในความบริสุทธิ์ ให้ฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน
ธนาธรชี้ แก้ ม.112 ได้ไม่ใช่แฟกซ์พระเจ้า
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณีคำร้องพรรคก้าวไกลหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความคาดหวังอย่างไรว่า ไม่มีความคาดหวัง ก็รอฟังกันดู แต่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะไปถึงจุดนั้น
แต่อยากให้สังคมกลับมาตั้งหลักเรื่องนี้ให้มั่นคง กฎหมายไม่ได้เป็นแฟกซ์ของพระเจ้า แต่ร่างด้วยมือมนุษย์ ในเมื่อร่างด้วยมือมนุษย์ก็ต้องแก้ไขได้ ถือเป็นหลักการพื้นฐาน หากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขกฎหมายไม่ได้ ก็คงมีอะไรไม่ปกติในประเทศนี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลในวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้การแก้ไขมาตรา 112 ทำให้ยากขึ้น นายธนาธรกล่าวว่า อยากให้ยึด อยากให้กลับมายืนในหลักการมั่น ๆ สภาก็คือฝ่ายนิติบัญญัติ นิติบัญญัติก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นฝ่ายที่บัญญัติกฎหมาย