ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ-พิธา ระทึก ศาลตัดสินคดีแฟลชม็อบ หน้าหอศิลป์วันนี้

แฟลชม็อบ

ศาลแขวงปทุมวันนัดฟังคำพิพากษาคดีแฟลชม็อบปี 2562 ที่มีจำเลยสำคัญคือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช 3 แกนนำคณะก้าวหน้า และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึง ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่

จุดเริ่มต้นของเรื่อง สืบเนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 5 ต่อ 2 ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะกู้ยืมเงินจากนายธนาธร จำนวน 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ในวันที่ 11 ธันวาคม 2562

ปรากฏว่า 2 วันให้หลัง เพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์วิดีโอ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ถ้าทุกท่านรู้สึกทนไม่ไหว ไม่อยากทนกับสภาวะสังคมอีกต่อไป ผมอยากเชิญชวนทุกคน วันที่ 14 ธ.ค.นี้

พบกันเวลา 17.00 น. ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน นี่คือเวลาที่เราต้องส่งเสียงของประชาชนให้ดัง ให้ผู้มีอำนาจได้ยิน ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมว่าพวกเราประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ ทวงคืนความชอบธรรม ความเสมอภาคทางสังคมกลับคืนมา เจอกัน 14 ธ.ค. สกายวอล์กปทุมวัน โดยการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นการชุมนุมถึงเวลา 18.00 น.เท่านั้น

พร้อมข้อความว่า “หนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คน ใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา”

ปรากฏว่า วันที่ 14 ธันวาคม 2562 มีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมที่หอศิลป์เป็นจำนวนมาก โดยมี ธนาธร, ปิยบุตร, พรรณิการ์, พิธา สลับกันขึ้นปราศรัย

เหตุการณ์หลังจากนั้น สน.ปทุมวัน ได้เรียกทั้ง 4 คนมารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้า-ออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ต่อมาอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 โดยมีทั้งหมด 5 ข้อหา ประกอบด้วย

1.ข้อหาร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง

2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ

4.ทำการชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากพระราชวัง

5.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือว่าละเมิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมชนสาธารณะ พ.ศ.  2558 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493

วันนั้น ทนายความของทั้ง 5 คนเปิดเผยว่า ทั้ง 5 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมอยู่ห่างจากเขตพระราชวังมากกว่า 150 เมตร และไม่ได้มีการขัดขวางการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมถึงการชุมนุมในวันนั้นไม่มีเจ้าพนักงานประสานงาน หรือสั่งให้เลิกการชุมนุม โดนทั้งหมดพร้อมต่อสู้คดี

เวลาผ่านมา 3 ปีเศษ ในวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ เวลา 09.00 น. ศาลศาลแขวงปทุมวันนัดฟังคำพิพากษา

โดย ธนาธร, ปิยบุตร, พรรณิการ์, พิธา รวมถึง ไพรัฏฐโชติก์ จะไปฟังคำพิพากษาในเวลา 08.00 น.