จุลพันธ์ เผยหารือนายกฯ ตัวเลขเศรษฐกิจหนักหน่วง ต้องแก้ด้วยแจกเงิน 10’000

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

จุลพันธ์ยันเผยผลหารือนายกฯ ชี้ตัวเลขเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ต้องแก้ด้วยเงินดิจิทัล เตรียมนัดบอร์ดดิจิทัลวอลเลตชุดใหญ่กลางสัปดาห์หน้า 

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ถึงการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเลตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า ตนหารือกับนายกฯ หลายประเด็น

เรื่องแรกคือ ตั้งแต่ระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขทางเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ และภาวะในขณะนี้ประชาชนขาดความมั่นใจในการใช้จ่าย ภาคการลงทุนโดยเฉพาะเอกชนไม่กล้าลงทุน ส่วนการลงทุนกับต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลประสบความสำเร็จ แต่กว่าจะมีผลในเรื่องของเม็ดเงินต้องใช้เวลา ขณะที่ภาคการบริโภคชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบ 4 เดือนต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งมาจากการลดปัจจัยพลังงานของรัฐบาล แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ประชาชนสามารถประคับประคองในภาวะเศรษฐกิจที่วิกฤตขนาดนี้ได้

ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงที่ที่ 2.5 ขณะนี้ดูดซับสภาพคล่องจากระบบพอสมควร ซึ่งสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้เปรียบเหมือนปลาในบ่อ ประชาชนคือปลา เพราะน้ำในบ่อน้อย ประชาชนก็ดิ้นอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำเพียงพอ สิ่งสำคัญคือการเติมน้ำลงในบ่อให้เพียงพอกับจำนวนปลาและขนาดของบ่อ ซึ่งต้องการเม็ดเงินใหม่ นั่นคือการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต

ซึ่งรัฐบาลมองว่ากลไกที่จะสร้างเม็ดเงินใหม่คือการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน แต่เมื่อมีข้อท้วงติงมา ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีการหารือกันว่าจะต้องรอความเห็นของ ปปช. ซึ่งเป็นเอกสารที่หลุดออกมาจะจงใจหรือไม่เราไม่ทราบ แต่ต้องรับฟังและรอมาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน และทราบข่าวจากสื่อว่าจะมีการประชุมในสัปดาห์นี้

Advertisment

“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ป.ป.ช.จะส่งมา คือข้อเสนอแนะและความห่วงใย ไม่สามารถจะมากำหนดทิศทางนโยบายของเราได้ หากรัฐบาลจะทำก็ทำคู่ขนานไปเลย” นายจุลพันธุ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเลตในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาข้อห่วงใยการเกิดทุจริตคอร์รัปชั่น แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นว่าเกิดการทุจริต เพราะยังไม่ได้เริ่มดำเนินนโยบายก็ตาม เมื่อมีข้อห่วงใยจะมีการตั้งอนุกรรมการติดตามล่วงหน้า

และให้วางแผนกำหนดกฎเกณฑ์รูปแบบการทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าดิจิทัลวอลเลตจะไม่เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือใช้เงินผิดประเภท พร้อมหารือสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ กำหนดรูปแบบการกระตุ้นและผลลัพธ์ที่อาจไม่มีผลชัดเจน แต่ต้องเป็นไปตามความต้องการของประชาชนและภาคเอกชน โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมารับฟังความเห็นและเก็บข้อมูล

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในระหว่างการทำงานได้รับเสียงสะท้อนจากธนาคารและสถาบันการเงินจำนวนมากที่มองเห็นประโยชน์ และอยากเข้ามามีส่วนร่วมให้มีแอปพลิเคชั่นกลางของภาครัฐ เพื่อเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินได้ จึงจะมีการหารือให้คณะกรรมการไปหารือเพิ่มเติมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อสร้างความเชื่อมต่อระหว่างธนาคารพาณิชย์กับระบบดิจิทัลวอลเลต เพื่อให้กลไกสามารถใช้งานได้ครอบคลุมกว้างขวาง และเชื่อมโยงระบบการชำระจ่ายเงินของประเทศให้สมบูรณ์มากขึ้น

Advertisment

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนความเห็นของหน่วยงานอื่น ๆ เช่น คณะกรรมการกฤษฎีกา และกรรมการ ป.ป.ช.นัั้น จะทำงานคู่ขนานกันไป ถ้ามีผลความเห็นออกมา คณะกรรมการดิจิทัลวอลเลตก็จะประชุมหารือเพื่อชี้แจงร่วมกันอีกครั้ง

นายจุลพันธ์กล่าวยอมรับว่าไทม์ไลน์การแจกดิจิทัลวอลเลตนั้น ได้ขยับออกไปแล้วจากเดือนพฤษภาคม แต่ไทม์ไลน์ใหม่จากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด จะหยุดรอไม่ได้แม้มีอุปสรรค โดยจะเดินหน้าให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่าจะต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พ.ร.ก.เป็นเครื่องมือในมือของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือมีกลไกเดินหน้ามากกว่า 1 ตัวเลือกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คิดและยังไม่ได้หารือว่าจะใช้ พ.ร.ก.หรือไม่ แต่หากสถานการณ์เศรษฐกิจไปถึงจุดที่จำเป็นก็อาจจะต้องมาหารือ พร้อมย้ำว่า พ.ร.ก.เป็นตัวเลือกที่ยังไม่ได้เลือกใช้ และยังไม่คิดจะเลือกใช้ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือก

นายจุลพันธ์กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงการลดจำนวนเงินในโครงการดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าหาก ป.ป.ช.ยังไม่ส่งความเห็นมาก็จะไม่กระทบต่อไทม์ไลน์โครงการดิจิทัลวอลเลต โดยจะเดินหน้าและพูดคุยกันในสัปดาห์หน้า ส่วนความเห็นจะส่งมาเมื่อไหร่ตนก็พร้อมจะรับฟัง รวมไปถึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นและเตรียมกลไกต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นให้พร้อม แต่ตนไม่ขอให้คำตอบว่าจะทันในไตรมาส 3 หรือไม่ และขณะนี้ยังไม่มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาแต่อย่างใด

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีการยกร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อเสนอขณะนี้ยังเป็นการใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์อยู่ เนื่องจากเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่สิ่งที่จะไปพูดคุยคือกลไกการเชื่อมต่อระหว่างธนาคาร

อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการจะมีการตั้งภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็ต้องติดตามบอร์ด โดยบอร์ดชุดใหญ่ไม่มีกรอบระยะเวลาการทำงาน ซึ่งจะต้องอยู่ยาวจนกว่าจะเสร็จภารกิจ ส่วนคณะอนุฯ จะตีกรอบระยะเวลา อาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ต้องจบ ขณะที่ไทม์ไลน์ของบอร์ดชุดใหญ่จะต้องเคาะก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี ตนหวังว่าภายใน 2 เดือนข้างหน้าจะต้องเรียบร้อย ซึ่งเป็นการประมาณการไม่ใช่การหารือ