เศรษฐา ยินดีอดีตนายกฯได้รับการพักโทษ ได้กลับบ้าน ยังไม่ได้ โทร.ยินดี ”อุ๊งอิ๊ง” หลังทักษิณกลับบ้าน แต่เชื่อใจถึงใจ ขออย่าดราม่านายกฯ สองคน
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสกลนครถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักโทษและเดินทางกลับเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อเช้านี้ หลังได้รับการพักโทษ จะมีการเข้าพบนายทักษิณเพื่อขอคำแนะนำอะไรหรือไม่ ว่ายังไม่มี เพราะท่านก็เพิ่งออกมาเมื่อเช้านี้ ตนคิดว่าในฐานะพ่อ ก็ยินดีด้วยที่จะได้เจอลูก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวมานาน และท่านก็กลับเข้ามาตามกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายทุกข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรมเป็นคนเดินเรื่องมา ตนเชื่อว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ท่านคงไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง ท่านก็คงอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และก็รักษาตัวอยู่ต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ โทร.ไปแสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่มีเวลา วันนี้ก็ลงพื้นที่ 7 หมาย แต่ว่าเชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ก็ส่งความปรารถนาดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัว เราสนิทกันอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้อง โทร.หรอกครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีโอกาสก็จะ โทร. แล้วเมื่อมีประชุมก็จะคงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ตนเชื่อว่าเวลาอันมีค่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปี ก็ต้องใช้เวลานี้ให้เหมาะสม และก็คุ้มค่าที่สุด
ส่วนผู้ที่เห็นต่างซึ่งออกมาเคลื่อนไหว และมองว่าศูนย์บริหารงานหลังจากนี้จะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นบ้านจันทร์สองหล้าแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องความเห็นต่างเป็นธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนก็น้อมรับเรื่องความเห็นต่าง เราก็ต้องพูดคุยกันด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ
วันนี้ตนเชื่อว่า อย่างเช่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เอง ก็อยู่ที่นี่ เราอยู่คนละพรรค ก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่โดยรวมเราก็เห็นตรงกัน เพราะบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ บ้านเมืองเราก็บอบช้ำกันมาเยอะ
วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายกฯ หลาย ๆ ท่านเอง ถ้าท่านจำได้เมื่อตอนที่ตนได้รับการแต่งตั้งก็ได้เข้าไปพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อฟังคำแนะนำ และเวลาเจอในงานต่าง ๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ก็ขอคำแนะนำอยู่แล้ว
“ผมเชื่อว่าถ้าเกิดท่านอดีตนายกฯ ทักษิณพร้อมจะให้คำแนะนำ ผมเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน นายอนุทินเองก็เคยทำงานร่วมกับอดีตนายกฯ ทักษิณมาก่อน ก็รู้อยู่แล้วว่าท่านมีความปรารถนาดี ประสบการณ์ที่ท่านสะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดราม่ากันเลย ว่ามีนายกฯ กี่คน รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุอยู่แล้วว่ามีนายกฯ คนเดียว ก็มีคนเดียวก็คือผมนี่แหละ“ นายเศรษฐากล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่ได้รับคำแนะนำจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีว่า ท่านบอกว่าที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้วแต่ต้องอดทนต่อไป เพราะอย่างที่ท่านเตือนแรงตั้งแต่ตอนแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง เรื่องธุรกิจกับเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกัน เพราะธุรกิจมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ราชการต้องขึ้นกับหลายหน่วยงาน และนายอนุทิน
ก็เตือนตนว่า ขอให้ใจเย็น ๆ ไม่ใช่ทุกเรื่องทำได้เองหมด เช่นเดียวกับสื่อมวลชนก็เคยเตือนตน ว่าให้ใจเย็น ๆ และช้า ๆ บ้าง อย่าปากไว ซึ่งตนก็ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธอะไร แต่มองว่าบางบริบทก็เหมาะสมที่จะได้รับคำเตือนและนำไปพิจารณา พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้เคลมหมดว่ารู้หมดทุกอย่าง หากคำแนะนำอะไรที่เหมาะสมและเตือนกันด้วยความปรารถนาดี
ตนก็พร้อมน้อมรับจากทุกท่าน ไม่ใช่จากทุกคน ไม่ใช่เพียงอดีตนายกฯ อย่างเดียว เพราะต้นเพิ่งเข้าการเมืองได้ 5-6 เดือน ซึ่งก็ได้รับคำเตือนตลอด อย่างเช่นเมื่อเช้านี้นายอนุทินก็ยังให้คำแนะนำเรื่องการทำงานอยู่ แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังมีขีดจำกัดของตนเอง เช่น ให้คำแนะนำ 10 เรื่อง ตนอาจจะรับฟัง 6-7 เรื่อง เพราะผมก็มีขีดจำกัด และมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำแนะนำ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีคนนี้พร้อมน้อมรับคำแนะนำ
เมื่อถามว่าการทำงาน 5-6 เดือนที่ผ่านมาเหนื่อยหรือหนักบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงไม่จริง แต่เมื่อเสนอตัวมารับใช้ประชาชนแล้ว ก็รู้ว่างานจะเยอะอยู่แล้ว อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหา PM 2.5 ปัญญายาเสพติด ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาตนก็ได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ที่นำเสนอวิธีการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งมองว่าบางเรื่องก็มีความน่าสนใจในการกำจัดยาเสพติด พร้อมยืนยันว่าตนไม่อยากจะมองว่าเป็นปัญหา แต่ขอให้มองว่าเป็นโอกาส
เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณได้รับการพักโทษ ทำให้มีการมองว่าสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะมีความเปลี่ยนแปลง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็คอยดูต่อไป เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงทุกวัน แต่ตนไม่แน่ใจว่าที่สื่อ บอกว่าเปลี่ยนไปนั้นจะดีขึ้นหรือเลวลง แต่ตนมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลเองก็มี 314 เสียง เราทำงานร่วมกัน แม้จะมีบางข้อที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ก็พูดจากันด้วยดี และพยายามแก้ปัญหาด้วยความตั้งใจจริง เพื่อจุดมุ่งหมายเดียว คือการนำพาประเทศไปให้ได้
“ถ้าการพักโทษทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมาย ที่ท่านได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว และผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อย และออกมาพักตัวที่บ้านแล้ว ผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทย ประชาชน 66 ล้านคน ก็ยินดีถ้าเกิดการเมืองไทยดีขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ทำให้มันดีขึ้น“
เมื่อถามถึงยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยที่ยังอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นสิทธิของท่าน ตนไม่มีความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น หากกลับเข้ามาตามกระบวนการกฎหมายและทุกอย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องหน้ายินดี
เมื่อถามถึงกลุ่ม คปท.อาจจะไปปักหลักชุมนุมที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปให้ได้ ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองสงบสุขอยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่ขณะนี้คือเรื่องเศรษฐกิจ จึงอยากให้โฟกัสเรื่องนี้มากกว่า ส่วนการแสดงจุดยืนขอให้อยู่บนกรอบของกฎหมาย โดยรัฐบาลก็มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย อย่าให้เกินเลย
เมื่อถามว่าจะมีการขอคำแนะนำนายทักษิณหรือไม่ เพราะรัฐบาลก็มุ่งนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่อดีตนายกฯ ทักษิณ แต่ทุกคนเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย และก็ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีความชำนาญในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งคนในรัฐบาลรรวมถึงตนก็มีสิทธิที่จะไปขอคำแนะนำกับบุคคลเหล่านี้ แต่ยืนยันว่าจุดมุ่งหมายที่ทุกคนมีคือให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้