เปิดโปรเจ็กต์ ตั้งกาสิโนแสนล้าน ดึงรายได้เข้ารัฐ 1.2 หมื่นล้าน

คาสิโน

การตั้ง Entertainment Complex ในยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ใกล้ความจริงเข้ามาขึ้นทุกที ต่อยอดไปสู่การเพิ่มเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยว ที่ต้องการให้ถึง 3 ล้านล้านบาท

หนึ่งในโปรเจ็กต์ Entertainment Complex หนีไม่พ้นการมี “กาสิโน” เป็นส่วนประกอบ

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า “ผมว่าถึงเวลาที่สังคมเราจะต้องมาดูกัน เรื่องของสังคมอีแอบ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้ว เอามากำกับดูแลให้เหมาะสม เพื่อฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองจะได้ดูแลให้ถูกต้อง

“มันมีอยู่แล้วทุกวันนี้ ต้องยอมรับ และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราก็ต้องบริหารจัดการไปในระหว่างทาง ผมไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะผ่านเมื่อไหร่ และจะมาเปิดได้เมื่อไหร่ ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ระหว่างนี้ยังไงก็ต้องจัดการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายไป”

อีกด้านสภาผู้แทนราษฎร นำโดยพรรคเพื่อไทย จึงตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้ศึกษารายละเอียดด้านต่าง ๆ ดังนี้

ADVERTISMENT

100 กม.จากสุวรรณภูมิ

ความเหมาะสมด้านสถานที่ตั้งกาสิโน ความเหมาะสมของสถานที่และสภาพทางภูมิศาสตร์ในการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร และสถานกาสิโนรวมอยู่ด้วยนั้น อาจแยกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ

1.หากมองในแง่การส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ พื้นที่ที่เหมาะสมอาจจะเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เป็นต้น

ADVERTISMENT

2.หากมุ่งไปที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ควรจะเป็นพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก หรือพื้นที่ในต่างจังหวัด เป็นต้น

สําหรับข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากการศึกษาถึงพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร ได้แก่ พื้นที่ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงใน 17 จังหวัดของภาคกลางและภาคตะวันออก

รวมถึงพื้นที่ของจังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก จํานวน 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดนรวม 22 จังหวัด ส่วนการตระเตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร

รูปแบบกาสิโน

หากประเทศไทยจะให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ควรมีรูปแบบของกฎหมายว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจร ดังกล่าวของประเทศไทย ควรมีสาระสําคัญที่ประกอบไปด้วย การมีกลไกในการให้ใบอนุญาต การตรวจสอบ ควบคุม และการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม โดยผ่านกลไกการดําเนินงานที่มีคณะกรรมการดูแลรับผิดชอบจํานวน 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร

เป็นฝ่ายกํากับดูแลด้านนโยบายและด้านการบริหารกิจการ โดยมีสํานักงานคณะกรรมการกํากับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นฝ่ายดูแลและสนับสนุนงานด้านเลขานุการ ซึ่งเหล่านี้จะทําให้องค์ประกอบของการดําเนินงานของสถานบันเทิงครบวงจร สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสํานักงานกํากับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อกลไกในการดําเนินการดังกล่าว เช่น การให้ใบอนุญาต การตรวจสอบ ควบคุม และเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม เป็นต้น

ผลกระทบ

ไซซ์ XL ลงทุน 1 แสนล้าน

รายงานผลการศึกษาระบุว่า อุตสาหกรรมที่มีความสําคัญ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม Fun Economy ซึ่งรวมตั้งแต่การท่องเที่ยว กีฬา สถานบันเทิง ธุรกิจไมซ์ (MICE) โดยที่ประเทศไทยสามารถที่จะมีศักยภาพในการต่อยอดอุตสาหกรรม Fun Economy ผ่านการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงหลายประเภท

1.ห้างสรรพสินค้าครบวงจร 2.โรงแรมระดับ 5 ดาว 3.ร้านอาหารและบาร์ 4.ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ 5.ศูนย์สุขภาพครบวงจร 6.สนามกีฬา 7.ยอชต์และครูสซิ่งคลับ 8.สถานที่เล่นเกม 9.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 10.สวนสนุก 11.พื้นที่สําหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP 12.กิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกําหนด

ร่วมกับกาสิโน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่และเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ

สําหรับการจะเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ในประเทศไทยนั้น ในด้านการลงทุนและการหารายได้เข้ารัฐ อาจให้มีใบอนุญาตในหลาย ๆ ประเภท แบ่งตามมูลค่าการลงทุน ได้แก่ Size S, M, L และ XL ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกใบอนุญาตควรมีประเภทเดียว ได้แก่ ใบอนุญาต Size XL (มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท) การให้ใบอนุญาต Size อื่น ๆ จะมีการพิจารณาเป็นลําดับถัดไป

อายุสัมปทาน 20 ปี

สำหรับใบอนุญาต คณะกรรมาธิการศึกษาว่า หากพิจารณาเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศญี่ปุ่นที่ให้ระยะเวลาใบอนุญาต 10 ปี ประเทศสิงคโปร์ให้ระยะเวลา 17 ปี มาเก๊าให้ระยะเวลา 20 ปี เป็นต้น โดยระยะเวลา 20 ปีอาจเป็นที่น่าดึงดูดให้มีการลงทุน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรให้ใบอนุญาตแบบถาวร ถึงแม้ว่าจะมีบางประเทศใช้รูปแบบนี้ เช่น เมืองลาสเวกัส เกาหลีใต้ เวียดนาม เป็นต้น

เพราะรัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมและกํากับดูแลกิจการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอาจจะทําให้ขาดแรงกระตุ้นให้กิจการเหล่านี้ขยายการลงทุนในอนาคต

การต่ออายุหลังจาก 20 ปีแรก ควรกําหนดให้มีการต่ออายุทุก ๆ 5 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายกําหนด เช่น ต้องมีแผนการขยายการลงทุนตามขนาดที่นักลงทุนกําหนด การต่ออายุทุก ๆ 5 ปี เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมใกล้เคียงกับประเทศชั้นนําอื่น ๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์ซึ่งกําหนดทุก 3 ปี และมาเก๊าซึ่งกําหนดทุก 10 ปี เป็นต้น

ตั้งภาษีกาสิโน

สำหรับการจัดเก็บภาษี คณะกรรมาธิการศึกษาว่า ควรจะมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” โดยเฉพาะโดยคิดจากรายได้ขั้นต้น จากการเล่นพนัน (Gross Gaming Revenue : GGR) กล่าวคือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่าย เบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นที่วางเดิมพัน ซึ่งหากพิจารณาเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาเก็บภาษีกาสิโนที่อัตราร้อยละ 10 ของ GGR ประเทศสิงคโปร์มีการเก็บที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 17 ของ GGR และมาเก๊ามีการเก็บที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 35 ของ GGR เป็นต้น

สําหรับประเทศไทยรัฐอาจจะเก็บอัตราภาษีเฉลี่ยในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 17 แต่ทั้งนี้อํานาจในการกําหนดอัตราภาษีดังกล่าว ควรอยู่ที่คณะกรรมการจะเป็นผู้กําหนด

นอกจากนี้ ข้อเสนอต่อนโยบายภาษีสรรพากรและการจัดเก็บรายได้จากธุรกิจ Entertainment Complex ของประเทศไทย โดยเทียบเคียงจากกฎหมายของต่างประเทศ ดังนี้ 1.ด้านผู้เล่นควรได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2.ด้านผู้ประกอบการ (ผู้รับสัมปทาน)

กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล อาจจะเก็บภาษีโดยใช้ฐานภาษี Gross Gaming Revenue : GGR ตัวอย่างเช่น (1) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) 0-20 ล้านบาท อัตราภาษีร้อยละ 20 (2) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) มากกว่า 20 ล้านบาท-40 ล้านบาท อัตราภาษีร้อยละ 25 (3) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) 40 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีร้อยละ 30

ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการ (ผู้รับสัมปทาน) จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษี จากกรณีรายได้ จากการพนัน เนื่องจากเพื่อให้กลไกภาษีมูลค่าเพิ่มมีความต่อเนื่องและรายได้จากการพนัน ตามฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลข้างต้น ไม่สามารถหามูลค่าเพิ่มได้อย่างชัดเจน จึงให้มีการยกเว้นมูลค่าฐานภาษี

เก็บค่าธรรมเนียมเข้ารัฐ-คาดการณ์รายได้

ในส่วนของค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนั้น รัฐบาลอาจกําหนดค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตแบบเฉพาะเจาะจง (Fixed License Fee) โดยค่าธรรมเนียมอาจขึ้นอยู่กับแต่ละ Zoning ทั้งนี้ควรมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อจํากัดผู้ลงทุน รวมถึงเป็นการเก็บภาษีรายได้เข้ารัฐ

รวมถึงให้มีค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการ เพื่อเป็นการป้องกันผู้มีสัญชาติไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ ควรมีการเก็บภาษีการเข้าใช้บริการ โดยเก็บในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย โดยตัวอย่าง อัตราการเก็บในประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์จัดเก็บที่อัตรา 4,500 บาทต่อวัน ประเทศญี่ปุ่นจัดเก็บที่อัตรา 1,300 บาทต่อวัน เป็นต้น

การคาดการณ์จํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำจะอยู่ที่ร้อยละ 10 ของจํานวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2565 โดยคิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8 ล้านคน โดยประกอบด้วย ลูกค้าชาวต่างชาติทั้งสิ้น 1.1 ล้านคน และลูกค้าชาวไทย 3.7 ล้านคน ทั้งนี้ หากประมาณการรายได้ของกิจการกาสิโนเฉพาะรูปแบบ Onsite โดยตั้งสมมุติฐานจากจํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำร้อยละ 10 ดังกล่าว

และอ้างอิงสถิติรายได้ของกาสิโน จากประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำต่อหัวประมาณ 73 เหรียญ (เหตุที่ใช้ข้อมูลสถิติของกาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากมีการรายงานว่า ร้อยละ 95 ของลูกค้ากาสิโนในกัมพูชาเป็นชาวไทย) ดังนั้น จะสามารถประมาณการรายได้ ดังนี้

รายได้จากชาวต่างชาติประมาณ 2,810.5 ล้านบาท รายได้จากชาวไทยประมาณ 9,453.5 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 12,264 ล้านบาท