
เศรษฐา ลบรอยร้าวหลังปรับ ครม. ชี้การเดินถึงเป้าหมายต้องผ่านช่วง up and down ขอให้โฟกัส 60% ที่เรารักกัน ข้าม 40% ที่เราไม่พอใจ ลั่นไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกฯ แต่ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน
วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ที่พรรคเพื่อไทย ในงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” ตอนหนึ่งว่า “เรามีเวลาเหลืออีก 3 ปีนิด ๆ ซึ่งเราจะต้องไปถึงจุดที่เราว่าได้ เราเตรียมนโยบายไว้หลาย ๆ อย่าง ทั้งยกระดับพาสปอร์ตไทย ซอฟต์พาวเวอร์ ยกระดับรายได้เกษตรกร มันเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง
แต่การไปพูดผลตอนจบ จะไม่เป็นการพูดถึงวิธีการที่เราต้องทำ เราควรพูดคุยจริงจังว่า การที่จะเดินไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการได้ ต้องผ่านอะไรหลาย ๆ อย่าง เราจะต้องมีช่วงเวลา up and down ช่วงเวลาที่เสียใจ พอใจ ดีใจ ไม่ว่าในมิติไหน ทั้งเรื่องนิติบัญญัติ บริหาร เรื่องตำแหน่งต่าง ๆ ที่ดูแลกัน”
“แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราทุกคนมีความมุ่งมั่น มีความสมัครสมานสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขา เห็นใจเรา ผมเชื่อว่าถนนที่เดินไปข้างหน้าก็จะสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น การทำงานระหว่าง สส. ร่วมกับคณะทำงานในพรรค คณะทำงานฝ่ายบริหาร ถือเป็นกลไกสำคัญ”
“นับถอยหลังไป 7-8 เดือนที่ผ่านมา เราเกือบไม่มีการประสานงานกันเลย วันนี้เราทำงานได้ดีขึ้น อยากให้โฟกัสส่วนที่ดี ส่วนที่เราทำมา อยู่ด้วยกันมาอาจพอใจ 60 ส่วน 40 ไม่พอใจ ผมอยากจะขอเลย ถ้าเป็นไปได้ขอให้โฟกัส 60 ที่เรารักกัน เข้าใจกัน มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน และพยายามสร้างให้เป็น 61 62 63 64”
“ไม่ใช่ไปโฟกัส 40% ที่เราไม่พอใจซึ่งกันและกัน ถ้าเราไปโฟกัส 40% เรื่องไม่พอใจก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 41 42 43 และเมื่อไหร่ที่เกิน 50% นั่นคือปัญหา ผมเชื่อว่าหัวหน้าพรรค ผู้ใหญ่ในพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ สส.ทุกคน เห็นความตั้งใจ เห็นความมุ่งมั่นของทุก ๆ คน”
“ไม่ใช่ของผมคนเดียว ของคณะรัฐมนตรีอย่างเดียว ผมเชื่อทุกคนเห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง เห็นถึงจุดประสงค์ที่เรามาอยู่ในที่นี้ ผมไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรามาอยู่ตรงนี้เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน เป็นหน้าที่ที่เราทุกคนในที่นี้ ที่แม้จะไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่เรามาอยู่ด้วยจิตใจที่อิงกับพี่น้องประชาชน อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อย่างมีความสุข ผมเชื่อว่านโยบายที่เรานำเสนอไปเป็นที่ประจักษ์ดีอยู่แล้วว่าเรามีความตั้งใจจริง”
“แต่ระหว่างทางต้องมีช่วง up and down เป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ ไม่ว่าระหว่างเรากันเองหรือระหว่างเรากับประชาชน แต่เรามีเป้าหมายเดียวกันคือเราต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด เป็นเรื่องที่สำคัญ ตระหนักดีเสมอ ไม่ว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือเป็นนายกฯ ไม่มีอะไรสำคัญเท่า พอ 4 ปีแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนจะดีขึ้น เพราะพวกเราทุกคน ชาวเพื่อไทย”