ชูศักดิ์กำหนด 8 แนวทาง จี้สำนักพุทธฯ ทำงานเชิงรุกป้องกันพระสงฆ์ทำลายศาสนา

ชูศักดิ์ ศิรินิล
ชูศักดิ์ ศิรินิล

ชูศักดิ์กำหนด 8 แนวทาง สำนักพุทธฯ ดูแลพระสงฆ์ เน้นทำงานเชิงรุกสอดส่องพฤติกรรมไม่ให้ทำลายพระพุทธศาสนา พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาการใช้ที่ดินสงฆ์

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงแนวนโยบายการป้องกันและคุ้มครองพระพุทธศาสนา ว่าสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ดำเนินการดังนี้

1.กำหนดแนวทางไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การเสพยาเสพติด เล่นพนัน โดยเฉพาะในบริเวณวัด

2.กำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ไม่ให้พระสงฆ์ประพฤติผิดธรรมวินัย เช่น การเสพยาเสพติด เล่นพนัน เสพเมถุน ดื่มสุรา การใช้สื่อออนไลน์ เล่นพนัน หรือเพื่อสื่อลามกอนาจาร

3.สอดส่องไม่ให้มีการนำสิทธิทางพระพุทธศาสนาไปบิดเบือน หรือแสวงหาประโยชน์ทางพาณิชย์โดยมิชอบ

4.สอดส่องติดตามและดำเนินการเด็ดขาด กรณีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

ADVERTISMENT

5.มีมาตรการดูแลพระที่ประพฤติดีประพฤติชอบไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง

6.คัดกรองบุคคลที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ติดยาเสพติด ประพฤติเสื่อมเสีย เพื่อหลบหลีกการกระทำผิด หรือมาอาศัยผ้าเหลืองเป็นเกราะกำบัง

ADVERTISMENT

7.ให้สำนักพุทธฯ จัดตั้งศูนย์ทุกจังหวัด หรือจังหวัดใดที่มีอยู่แล้ว ให้ปรับปรุงการทำงานเพื่อรับเรื่องร้องเรียนและดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที

8.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงศาสนา

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มีอยู่ทั่วประเทศ แต่ที่ผ่านมาเป็นการทำงานในที่ตั้ง จึงสั่งการให้มีการเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบเชิงรุก โดยระบบเข้าไปสอดส่องดูแลพฤติกรรมที่คิดว่าไม่ถูกต้อง และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ให้ดำเนินการตามนโยบาย เพื่อป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบทั้งทางตรงและทางอ้อม

ขณะเดียวกัน มอบหมายให้สำนักพุทธฯ เป็นเลขานุการในการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาการใช้ที่ดินของวัดและสำนักสงฆ์ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เพราะบางกรณีไม่ใช่ที่ดินของวัดโดยตรง อาจจะไปรับส่วนที่ดินของรัฐ หรือที่ดินอื่นบ้าง จนนำมาสู่ปัญหาข้อพิพาท จึงมองว่าปัญหาเรื่องนี้ควรทำเป็นระบบ

อย่างกรณีเมื่อวานนี้มีการนำศพไปฝึกจิตที่จังหวัดพิจิตร ก็ต้องนำเข้ามาหารือกันว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นในมาตรการที่ต้องมากำกับดูแลไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งกรณีนี้ตนก็ไม่เคยเห็น จึงมอบให้สำนักพุทธฯ ไปหารือกับคณะสงฆ์ โดยในส่วนตัวตนคิดว่าไม่สามารถทำได้

ส่วนที่มีการพบว่ามีอีกหนึ่งสำนักสงฆ์มีกรณีเดียวกัน และมีบุคคลเดียวกันเป็นเจ้าของ ตรวจพบว่าขณะนี้รวมแล้วเป็น 71 ศพ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าในกรณีนี้ไม่สามารถทำได้ ก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป เช่น มาตรการห้ามปราม ไม่ให้ทำ หากเข้าข่ายความผิดอาญาก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหากเข้าในเรื่องของวินัยก็ให้คณะสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก

ส่วนจะยืนยันได้อย่างไรว่าจะเป็นการทำงานที่เป็นเชิงรุกจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาต้องรอให้มีข่าวก่อนถึงลงไปแก้ไข นายชูศักดิ์ยืนยันว่าปัจจุบันมีสำนักสงฆ์อยู่ทั่วราชอาณาจักร การทำงานจะไม่ใช่แค่การไปร่วมงาน หรือไปจัดงานแบบที่ผ่านมา ตนก็จะมีทีมงานติดตาม และให้รายงานโดยตรง