เปิดเหตุผล ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบ”อนาคตใหม่”

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนค. กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค.จำนวน 191.2 ล้านบาท

โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุตอนหนึ่งว่า ผู้ถูกร้องทำสัญญากู้ยืมเงินจากนายธนาธร โดยในสัญญาระบุว่า ได้รับเงินแล้ว และได้รับดอกเบี้ย มีการทยอยชำระเงิน และดอกเบี้ย พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีอำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีผู้ร้องว่านายทะเบียนพรรคการเมือง อาศัยข้อเท็จจริงมาจากการสืบสวนก่อนส่งให้ศาลรธน. วินิจฉัย ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยรรัฐธรรมนูญและระเบียบกกต. ศาลเห็นว่า เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยไม่ว่าจะโดยทางใด ถ้ามีหลักฐานหรือมีมูลเพียงพอ ว่าอาจจะเป็นการไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย กกต.มีหน้าที่ให้สืบสวน ไต่สวน หากไม่มีมูลให้สั่งยุติเรื่อง หากปรากฎหลักฐาน ให้กกต.สั่งให้ดำเนินคดีโดยเร็ว แม้ผลปรากฎไม่มีมูลความผิด แต่ความเห็นของผู้ร้องเป็นอิสระไม่ขึ้นกับคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน

ทั้งนี้ผู้ร้องมีมติกรณีที่ถูกกล่าวหา ให้นายทะเบียนทำตามอำนาจหน้าที่ มีคำสั่งที่ 7/2562 ตั้งกก.รวบรวมข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายธนาธร กู้ยืมเงินฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ กก.ดังกล่าว รวบรวมหลักฐานเสนอผู้ร้อง ก่อนมีเหตุให้ชื่อว่าผู้ถูกร้องมีความผิด ก่อนยื่นให้ศาลรธน. กระบวนการดำเนินคดี จึงชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

กรณีคำร้องศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรคผู้ร้องนั้น ศาลเห็นว่ารธน.บัญญัติให้คดีที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจของศาล ศาลจึงมีอำนาจพิจารณายุบพรรคผู้ร้องได้ ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้อง จึงฟังไม่ขึ้น

ทั้งนี้ตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ กม.พรรคการเมือง ต้องมีมาตรการควบคุมการบริหารเพื่อให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันของประชาชน จึงต้องพิจารณาเรื่องที่มาของทรัพย์สินที่ใช้ในพรรคการเมือง ว่ามีที่มาอย่างไร ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกม.หรือไม่ กม.จึงกำหนดไม่ให้พรรคการเมืองไปเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคที่มิชอบ โดยพรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินได้หรือไม่ เห็นว่า การดำเนินกิจกรรม ต้องอาศัยเงินรายได้ตามที่กม.กำหนดไว้ เงินส่วนใดที่นำมาทำกิจกรรม หากได้มาโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามกม.กำหนด แม้ไม่ได้กำหนดให้กู้ยืม แต่ก้ไม่ได้รับรองให้ทำได้ เงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่ก็เป็นรายรับ จึงต้องทำตามที่กม.กำหนดเท่านั้น การกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองต้องสอดคล้องกับกฎหมายเท่านั้น

โดยเมื่อพิจารณาตาม กม.พรรคการเมือง บริจาค หมายความรวมถึงการให้ประโยชน์อื่นใดด้วย การให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ การให้กู้ โดยไม่คิดไปตามปกติทางการค้า ย่อมถือว่าเป็นประโยชน์อื่นใดต่อพรรคการเมือง จึงต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้ คำว่าบริจาค และ ประโยชน์อื่นใด เป็นความหมายเฉพาะในกฎหมาย เพื่อกำหนดให้พรรคการเมืองทำรายได้ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นประชาธิปไตยในพรรค ให้พรรคไม่เป็นเครื่องมือของใคร

ข้อเท็จจริงของผู้ถูกร้องที่ยื่นต่อผู้ร้อง พบว่าผู้ถูกร้องมีรายได้กว่า 71 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายกว่า 72 ล้าน พบค่าใช้จ่ายสูงรายได้เพียงล้านบาท แต่กลับทำสัญญากู้ยืมเงิน 2 ฉบับถึง 192 ล้าน และทำดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า

การกู้ยืมเงินของผู้ถูกร้องเป็นการรับบริจาคเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำความผิด มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี และห้ามมิให้กก.บห.ไปจดพรรคขึ้นใหม่ หรือมีส่วนร่วมตั้งพรรคใหม่ 10 ปี