“สิระ เจนจาคะ” รอด! ศาลรัฐธรรมนูญชี้ “ไม่ผิด” ปมกร่างใส่ตำรวจภูเก็ต

ที่สุดแล้ว “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ยังได้รับสถานะ “ผู้ทรงเกียรติ” ต่อไป

วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 เห็นว่าการกระทำดังของ “สิระ” เป็นเพียงให้เจ้าหน้าที่รัฐทำตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้ก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ

หลังถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน 54 คน ยื่นเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกสภาพ ส.ส.ของ “สิระ”

ย้อนจุดเกิดเหตุ “สิระ” ปะทะตำรวจ

จุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์เมื่อ 19 ส.ค. 2562 มีผู้เผยแพร่คลิปการเปิดวิวาทะระหว่าง “สิระ” กับ พ.ต.ท.ประเทือง ผลมานะ รองผู้กำกับการ สภ.กะรน ช่วงที่ “สิระ” ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ตรวจสอบการสร้างคอนโดมิเนียมบุกรุกป่าใน จ.ภูเก็ต โดยเหตุการณ์ดังกล่าว “สิระ” พยายามสอบถามว่า “ส.ส.มาลงพื้นตรงนี้ทำไมไม่มีใครดูแลเลย ทั้งที่ลงพื้นที่อื่นไม่ว่าที่ไหนจะมีคนมาดูแล”

หลังคลิปเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย “สิระ” ก็กลายเป็นตำบลกระสุนตก ถูกแปะป้ายว่าเป็น “ส.ส.กร่าง” เป็น ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ แต่ไปตรวจสอบถึง จ.ภูเก็ต

20 ส.ค.2562 “สิระ” แถลงข่าวขอโทษ โดยบอกว่าตนเป็นคนเสียงดัง ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าใคร หากเสียงของตนดังเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย กับข้อกล่าวหาเป็น ส.ส.กทม. แต่ช่วยเหลือชาวบ้านใน จ.ภูเก็ต “ถ้าผมรู้ปัญหาและไม่สนใจ ผมทำไม่ได้ ผมต้องช่วยเท่าที่ผมทำได้”

2 วันต่อมา 22 ส.ค.2562 “การุณ โหสกุล” ส.ส.กทม.เพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส. อีก 57 คน ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพ การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายสิระ เจนนาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 101 (7 ) ประกอบมาตรา185 (1)

วันนั้น “เก่ง-การุณ” กล่าวว่า จากพฤติกรรมดังกล่าวของนายสิระ เป็นการอ้างสถานะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงไปตรวจพื้นที่ทั้งๆ ตามกฎหมายไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตนเอง มีการใช้อำนาจไปข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดูแลตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการใช้สถานะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปก้าวก่าย แทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหน้าที่ต้องกระทำตามที่นายสิระกล่าวอ้าง เข้าข่ายเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185(1) ที่บัญญัติว่า ส.ส. หรือ ส.ว.ต้องไม่ใช้สถานะหรือตําแหน่ง กระทําการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการการปฏิบัติราชการหรือการดําเนินงานในหน้าที่ประจําของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้าง

ชวนไม่มีทางเลือก ต้องส่งศาล

เรื่องถูกลากยาวมาเกือบปี กระทั่ง 11 มิ.ย. “ชวน หลีกภัย” ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยระบุว่าไม่มีทางเลือก

“ทางสภาฯ ส่งไปตามวาระ แต่บางเรื่องยังลงชื่อไม่ถูกต้องก็ส่งให้แก้ไข ทุกกรณีที่ยื่นมาถ้าเข้าเกณฑ์ ประธานสภาฯ ต้องยื่น ไม่สามารถยับยั้งหรือไม่ยื่นได้”

“สิระ” พร้อมยอมรับชะตากรรม

กระทั่งวันนี้ 1 ก.ค.2563 “สิระ” ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา เกียกกายช่วงเช้าก่อนศาลตัดสินว่า “ผลการพิจารณาออกมาเป็นอย่างไร พร้อมยอมรับ และยังไม่ได้คิดหากถูกวินิจฉัยให้ถอดถอนความเป็นสมาชิกภาพจะเดินหน้าการเมืองอย่างไรต่อไป แต่ส่วนตัวก็มีธุรกิจที่เคยทำอยู่”

“ในเรื่องของการดูแลประชาชนนั้นตนทำหน้าที่มาโดยตลอด ยืนยันว่า เราทิ้งประชาชนไม่ได้ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป”

“สิระ” ยืนยันว่า ไม่ได้ไปก้าวก่าย เพียงแต่ได้สอบถามตำรวจว่า มีแผนป้องกันเหตุ และระงับเหตุอย่างไรหรือไม่ วันนั้นมีการตั้งเวทีสาธารณะ และมีประชาชนเข้าร่วม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า มีแผนรองรับ โดยวางกำลังไว้ที่โรงพัก และรอการเรียกหรือรอให้เกิดเหตุ ซึ่งตนได้สอบถามกลับไปว่ามันใช่หรือไม่

“สิระ” อาชีพก่อนเป็น ส.ส. เป็นเจ้าของค่ายมวย

ก่อนเล่นการเมือง “สิระ” เคยอยู่ในแวดวงหมัดมวยมาก่อน เป็นเจ้าของค่ายมวย “ส.สิระตา” และได้รับฉายาว่า “เสี่ยวอลโว่” หลังจากนั้น ลงสนามการเมืองในนามพรรค “รักษ์สันติ” ของ ร.ต.อ.ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แต่สอบตก และหันมาประกอบธุรกิจบ้านเรือนไทย ตรงข้ามศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สร้างรายได้เข้ากระเป๋า “สิระ” เป็นจำนวนมาก และยังเป็นศิษย์เอก ของ “หลวงปู่พุทธอิสระ” ที่เคยปักหลักชุมนุมค้างคืนไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศูนย์ราชการ

หลังรัฐประหาร 2557 “สิระ” ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 250 สภาปฏิรูปแห่งชาติ และสร้างกระแสด้วยการประกาศคืนเงินเดือน 1.7 ล้านให้สภา หากรัฐธรรมนูญฉบับบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ไม่ผ่านการลงมติ ของ สปช.

หลังจากหมดยุค สปช. “สิระ” เข้าสนามเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ จนได้เป็น ส.ส.กทม.

สถานะปัจจุบัน “สิระ” แนบชิดอยู่ในกลุ่มสามมิตร ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม เพิ่งได้ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ไปสดๆ ร้อนๆ

และยังมีตำแหน่งเป็น สมาชิก กมธ.คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปปช.) คอยปะ ฉะ ดะ กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่นั่งเป็นประธาน กมธ.

แหล่งข่าวในห้องประชุม กมธ.ปปช. ให้คำนิยาม “สิระ” ว่า “มนุษย์หมาป่า” เพราะจะออกแอ็กชั่นเวลาที่อยู่ต่อหน้ากล้องทีวี และเวลาที่มีนักข่าวเท่านั้น พอนักข่าวออกไปจากห้อง “สิระ” ก็จะกลายเป็นอีกคน เหมือนมนุษย์หมาป่า ที่จะแปลงร่างตอนพระจันทร์เต็มดวง