“กรณ์” พรรคกล้า แนะปรับ ครม. เลิกชิงดีชิงเด่น-เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึง การเตรียมปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ว่า การปรับ ครม.ประชาชนต้องได้ประโยชน์ พร้อมเสนอ 10 ความกล้าที่รัฐบาลต้องทำ

1. กล้า..ช่วย SME ให้รอด

เพื่อความอยู่รอดของลูกจ้างทั่วประเทศ และความอยู่รอดของเศรษฐกิจไทย ต้องมีการอัดฉีดเงินช่วยเหลืออย่างมีระบบ ให้เข้าถึงเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะขนาดเล็ก-กลางได้ง่าย เร็วและทั่วถึง

2. กล้า..รื้อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้าน

ยกเลิกแผนการใช้เงินฉุกเฉินเหมือนเป็นเงินงบประมาณปกติ เปลี่ยนจากโครงการที่ราชการเสนอมาเป็นมาตรการยิงตรง ที่แก้ปัญหาได้แม่นยำกว่า มีผลต่อการเบิกจ่ายเร็วกว่า และโอกาสรั่วไหลน้อยกว่า

3. กล้า..กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างเข้มข้น

สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดในตอนนี้ คือหา “จุดสมดุลระหว่างการควบคุมโรคระบาด และเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ” ให้ได้ อย่าติดกับดักตัวเอง ต้องกล้าตัดสินใจและมีความเป็นมืออาชีพในการจัดการ

4. กล้า.. ‘disrupt’ ตัวเองด้วย GovTech

ระบบราชการทั้งหมดต้องเปลี่ยนจาก ‘ระบบลายเซ็น’ และระบบการเรียกเอกสาร เป็น e-government อย่างแท้จริง

5. กล้า..ทำงานเป็นมืออาชีพ รัฐบาลต้องเป็นหนึ่งเดียว เลิกชิงดีชิงเด่น เลิกต่างคนต่างทำ

กระทรวงหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องทำงานอย่างสอดประสานกัน หากแต่ละกระทรวงไม่ทำงานแบบร่วมมือกัน แยกพรรคแยกพวก แย่งโควต้า ประเทศไทยในเวลานี้ก็ยากที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. กล้า..กำหนดยุทธศาสตร์ในแต่ละภาคอุตสาหกรรม

เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตและหลังโควิดอย่างเป็นรูปธรรม หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ควรมองความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทย และ Target Group ที่มีศักยภาพต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ Work From Thailand รวมไปถึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ และกลุ่ม SilverAge จะเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

7. กล้า..เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี

ถึงเวลาแล้วที่ช่องทางหารายได้ของรัฐทำได้ยากมาก รัฐโดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ต้องกล้าทบทวนทำให้ธุรกิจใต้ดิน พลิกมาเป็นธุรกิจบนดิน จากที่ผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้มีอิทธิพลไม่กี่คน เป็นกิจการที่มีการกำกับดูแลที่ดีและมีการเสียภาษีตามระบบ จากนั้นรัฐสามารถลดภาระที่ไม่เป็นธรรมของคนชั้นกลางลงได้

8. กล้า..สร้างงานและสวัสดิการถ้วนหน้า

รัฐต้องมีมาตรการเร่งด่วนรองรับปัญหาการว่างงาน โดยเฉพาะแรงงานภาคบริการและกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ รัฐต้องพร้อมกระตุ้นการสร้างงานนับล้านงานทันที

และนอกจากนั้นรัฐต้องให้ความสําคัญกับแรงงานของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หรือ Soft Power ได้แก่กลุ่มคนทำงานด้าน Creative Entertainment คนวงการบันเทิง คนวงการศิลปะ ที่เป็น Freelance รวมไปถึงนักร้อง พนักงานร้านอาหาร และคนทำงานสถานบันเทิง ฯลฯ คนกลุ่มนี้ตกหล่น และถูกมองข้ามมาโดยตลอด เพราะมีลักษณะการทำงานอิสระ ไม่อยู่ในฐานข้อมูลเดิมของภาครัฐ

9. กล้า..สร้างอนาคตให้ภาคการเกษตร

สร้างความยั่งยืนในภาคเกษตรกรรมสำหรับอนาคต
– ใช้ พ.ร.ก. กู้เงิน พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรายย่อย (โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 บ่อน้ำ)
– งบกองทุนเครื่องจักรทางการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานภาคเกษตร
– Big Data ช่วย Agri Tech ให้ข้อมูลดินฟ้าอากาศที่แม่นยำ และวางแผนการปลูกได้ตามสภาพอากาศ และช่วยวางแผนความต้องการตลาด
– ปฏิรูประบบสหกรณ์ ให้เป็นองค์กรทันสมัย เพื่อการเกษตรที่ทันสมัย ช่วยเกษตรกรเข้าถึงตลาดโดยตรง

10. กล้า..สร้างระบบการศึกษาที่สร้างอาชีพให้เด็กไทย

เน้นการศึกษาในสายวิชาชีพ จบแล้วต้องมีงาน และทำงานได้จริง เด็กอาชีวะต้องเป็นเด็กคุณภาพ เรียนจริง รู้จริง ทำงานได้จริง ที่สำคัญคือ เลี้ยงชีพได้จริง

“ที่สำคัญที่สุด วันนี้รัฐบาลต้องฟื้นคืนศรัทธา – วันนี้ประชาชนเห็นแต่การแก่งแย่งกันเองภายในแต่ละพรรค และการชิงดีชิงเด่นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ที่ยังไม่เห็นเลยก็คือความชัดเจนว่าประชาชนจะได้อะไรจากการปรับ ครม.” หัวหน้าพรรคกล้า ระบุ