ถอยแล้ว! ชงกรรมาธิการงบฯทบทวน “ซื้อเรือดำน้ำ” หวั่นเติมไฟม็อบ

สุพล ฟองงาม ประธานอนุกรรมาธิการฯ ชงทบทวน “ซื้อเรือดำน้ำ” ห่วงเติมเชื้อม็อบจุดติด

วันที่ 23 สิงหาคม 2563 นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการคุรุภัณฑ์ รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ใน กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564  ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบดีว่าการลงมติเห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้จะถูกโยงไปเติมเชื้อสถานการณ์การเมืองให้แรงยิ่งขึ้น

“ต้องถูกยำแน่ ถึงจะอธิบายเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อว่า เป็นการดำเนินการตามงบผูกพันที่ต้องเตรียมการจัดซื้อไว้แต่เนิ่นๆ กว่าจะจัดซื้อและได้เรือดำน้ำมาต้องใช้เวลาอีกหลายปี อีกทั้งยังเป็นการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว แต่ประชาชนคงไม่รับฟัง ดูแล้วน่าห่วงต่อสถาน การณ์การเมือง แต่ในการประชุม กมธ. งบประมาณ ชุดใหญ่ วันที่ 26 ส.ค.นี้ จะเสนอให้ที่ประชุม ชั่งน้ำหนักในการพิจารณาถึงความขัดแย้งในประเทศที่จะตามมา”

ประธานอนุ กมธ. กล่าวด้วยว่า “ให้ที่ประชุมชั่งน้ำหนักว่า ระหว่างการมีการซื้อเรือดำน้ำ กับความเสียหายที่ได้รับจากการเลื่อนซื้อเรือดำน้ำ อะไรจะเกิดผลกระทบมากกว่ากัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้ที่ประชุม กมธ.ทบทวนการจัดซื้อ เพราะถ้าทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น ควรเลื่อนการจัดซื้อไปก่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมจะเห็นด้วยหรือไม่เพราะมติของอนุ กมธ. ยังไม่ใช่มติชี้ขาด กมธ.ชุดใหญ่สามารถทบทวนได้”

นายสุพลกล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของม็อบต่าง ๆ ด้วยว่า “ขณะนี้สถานการณ์ชุมนุมถือว่าถูกจุดติดแล้ว จะชี้แจงอย่างไรประชาชนคงไม่ฟัง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและความไม่พอใจรัฐบาล จึงภาวนาให้ กมธ.งบฯทบทวนเรื่องนี้”

นายสุพล กล่าวถึง ความพยายามในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ว่า กองทัพเรือ ขออนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำจากอนุกมธ.มาแล้ว 2 ครั้ง

ครั้งแรกกองทัพเรือ ชี้แจงไม่เคลียร์ อนุกมธ.จึงแขวนงบประมาณไว้ก่อน โดยให้กองทัพเรือส่งเอกสารเพิ่มเติมเรื่องรายละเอียดสัญญาจีทูจีการซื้อเรือดำน้ำ และผลการเจรจากับจีนจะยอมให้เลื่อนจัดซื้อเรือดำน้ำได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา กองทัพเรือมาชี้แจงต่ออนุกมธ.อีกครั้ง โดยนำเอกสารที่อนุกมธ.ขอไปมาให้ดู แล้วยืนยันว่า จีนไม่ให้เลื่อนการจัดซื้อ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าไม่ชำระตามสัญญาอาจมีผลกระทบต่อการลงทุน การท่องเที่ยว และหากไม่ซื้อครั้งนี้ จะไม่ได้ราคาเดิมที่ตกลงกันไว้ ทางกองทัพเรือยืนยันไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้ ที่สำคัญการซื้อเรือดำน้ำเป็นนโยบายรัฐบาลจึงเกิดการแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในอนุกมธ.

“ตอนแรกตนเสนอให้อนุ กมธ.ไม่ลงมติเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ให้ส่งเรื่องให้กมธ.งบประมาณฯ ชุดใหญ่พิจารณา ปรากฎว่าอนุกมธ.หลายคนคัดค้าน อยากให้ลงมติตัดสินเลย จนต้องมีการโหวตว่า จะให้อนุกมธ.ลงมติจัดซื้อเรือดำน้ำหรือให้กมธ.ชุดใหญ่ตัดสิน เสียงส่วนใหญ่ให้อนุกมธ.ตัดสิน จึงมีการโหวตในชั้นอนุกมธ.เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ผลที่ออกมาเสมอกัน 4 ต่อ 4”

ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯระบุให้ประธานอนุกมธ. ลงมติชี้ขาด “ซึ่งลึกๆแล้ว ผมอยากให้เลื่อนการจัดซื้อไปก่อน เพราะประเทศมีปัญหาสภาวะเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายรัฐบาล อีกทั้งกองทัพเรือยืนยันไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้อีก ตนจึงเลี่ยงไม่ได้ ต้องลงมติให้จัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะดูแล้วถ้าไม่ลงมติเห็นชอบก็จะมีผลเสียหายตามมาเช่นกัน” นายสุพลกล่าว