ฝ่ายค้านโหมโรง อภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดโปงเครือข่ายผลประโยชน์ “Prayut Club”

เปิดศักราช วันที่ 4 มกราคม 2564 วาระแรกที่ 6 พรรคฝ่ายค้านปิดห้องคุยกัน คือวาระเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางมรสุมโควิด-19 รอบสอง

พรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรค เตรียมลิสต์รายชื่อว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ซักฟอกเรื่องอะไร และจะยื่นญัตติในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2564 เพื่อให้ทันอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงกลางกุมภาพันธ์

หัวขบวนฝ่ายค้าน “เพื่อไทย” หวังใช้โอกาสนี้แก้มือ หลังจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ถูกวิจารณ์ว่ามวยล้มต้มคนดู เมื่อแกนนำฝ่ายค้านบริหารเวลาอภิปรายผิดพลาด จนทำให้เวลาของลูกพรรค (อดีต) อนาคตใหม่หมดไปโดยปริยาย

คนสำคัญที่อยู่ในลิสต์ซักฟอก อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บิ๊กบราเธอร์ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ก็รอดโดยไม่มีริ้วรอย

มาครั้งนี้ศูนย์อำนาจในพรรคมีอยู่กลุ่มเดียวคือ ทีม “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และ “ภูมิธรรม เวชยชัย” มือขวาผู้นำฝ่ายค้านไม่มีทีม เจ้าแม่ กทม. “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” มาเคลื่อนเกมคู่ขนาน

ตั้งใจล้างภาพมวยล้ม ในศึกซักฟอกภาคแรก “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำสอง “ไม่เกิดแน่ครับ…ในต้นเดือนมกราคมได้นัดคุยเพื่อซักซ้อมประเด็นกันแล้ว ประเด็นไหนที่พรรคไหนอภิปราย”

“จะมีการสรุปเนื้อหา บูรณาการเรื่องแต่ละพรรคมาร้อยเป็นเรื่องเดียวกัน ขณะนี้ข้อมูลในส่วนของพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว เราเชื่อมั่นว่ามีข้อมูลเด็ด มีเรื่องใหญ่ ๆ ด้วย บอกได้เลย เปิดมา…ผมว่าเป็นเรื่องที่คนตกใจว่าจะกล้าทำกันขนาดนี้เลยหรือ”

ขณะที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล เบอร์สองฝ่ายค้านกล่าวถึงความพร้อมว่า พรรคทำงานเต็มที่ในการเตรียมข้อมูล ให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร

“ชัยธวัช” แย้มไฮไลต์ว่า ในอภิปรายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีแผนผัง พล.อ.ประวิตร มูลนิธิป่ารอยต่อฯ (Prawit Club) สร้างเครือข่ายอำนาจที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ในปี 2564 จะมี Prayut Club บ้าง

หากเก็งข้อสอบฝ่ายค้านที่ซุ่มเตรียมซักรัฐบาล ในประเด็นหลัก ๆ มีอยู่ดังนี้

1.ปมถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งเป็นคู่สัญญาในการซื้อถุงมือยาง มีการจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว 2,000 ล้านบาท มีการแบ่งเงินกับคู่ค้า ซึ่งเงินส่วนนี้มีความเกี่ยวข้องกับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ และคนใกล้ชิดทั้งระดับเครือญาติและทีมงาน

2.การต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว พุ่งเป้าไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์” โดยเฉพาะ เพราะออกคำสั่งมาตรา 44 ยกเว้นให้การต่อขยายสัมปทานออกไปอีก 40 ปี โดยไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562

3.ซักฟอกวิธีการบริหารงบฯการใช้จ่ายงบประมาณการกู้เงิน ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีสัญญาณบวกหรือฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เอื้อประโยชน์นายทุน

4.ถล่มประเด็นที่ตกค้าง เรื่องการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ ที่เชื่อมโยงกับ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ที่มีผู้ประกอบการเพียง 2 ราย ซึ่งเป็นนักลงทุนจีน ที่ได้รับอนุญาตในการนำเข้าขยะ

5.และล่าสุดการบริหารจัดการวิกฤตโควิด และการจัดการม็อบราษฎร รวมถึงการบริหารซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ส่วนปม “บ้านพักทหาร” ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อไทยขอทดไว้ในใจ เพราะที่สุดแล้วความผิดไปไม่ถึงตัวท่านผู้นำ