“ประยุทธ์” ตั้งเป้าฉีดวัคซีนคนไทย เดือนละ 15 ล้านโดส เอาชนะสงครามโควิด

Photo by Bryan R. Smith / AFP

ประยุทธ์ ประกาศวัคซีนเป็นมาตรการเร่งด่วน เร่งฉีดวัคซีนเดือนละ 15 ล้านโดส เผย มีคนลงทะเบียน “หมอพร้อม” แล้ว 1 ล้านคน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแผนการจัดหาวัคซีนว่า การจัดหาและการฉีดวัคซีน ได้กำหนดให้เรื่องนี้เป็นเป็นมาตรการเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายคือ ภายในสิ้นปีนี้ ประชากรในประเทศไทยต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 หรือคิดเป็นประชากร 50 ล้านคน โดยต้องใช้วัคซีนทั้งสิ้น 100 ล้านโดส

ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนตามแผนแล้ว 63 ล้านโดส โดย 61 ล้านโดสนี้ เป็นวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่จะผลิตในประเทศไทยและจะเริ่มส่งมอบได้แน่นอนในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเริ่มทำการฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวได้ทันทีจำนวน 16 ล้านคน

นอกจากนั้นในเดือนนี้ เราจะได้รับวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่มเติมจากแผนอีก 3.5 ล้านโดส เพื่อระดมฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าและผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้มากที่สุด และกระทรวงสาธารณสุข ยังเสนอแผนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม คือวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 5-20 ล้านโดส วัคซีนสปุตนิก วี วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนซิโนแวค บริษัทละ 5-10 ล้านโดส รวมทั้งวัคซีนอื่นที่จะมีการขึ้นทะเบียนในอนาคต
โดยเรามีแผนการกระจายและฉีดวัคซีนอย่างเป็นระบบ ผ่านระบบหมอพร้อม ที่มีประชาชนมาลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 1 ล้านคน รวมทั้งผ่านทางเครือข่ายโรงพยาบาล ทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และเครือข่าย อสม. ทั่วประเทศ

“โดยใช้แผนบริการการฉีดวัคซีนตามหลักการสาธารณสุขและการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและสังคม จัดลำดับกลุ่มเสี่ยง และพื้นที่เร่งด่วนและพื้นที่เศรษฐกิจ โดยได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเพิ่มจุดบริการการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าต้องฉีดวัคซีนให้ได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อเอาชนะสงครามกับโควิดในครั้งนี้ให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของยา ฟาวิพิราเวียร์ ที่ใช้ในการรักษา แม้จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่เราได้มีการสำรองไว้แล้วอย่างเพียงพอ โดยยังมีเหลือในสต็อกหนึ่งล้านห้าแสนเม็ด กระจายไปยังทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ และจะได้รับเพิ่มอีก 3 ล้านเม็ดในเดือนนี้ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มียาเพียงพอ


โดยตั้งแต่เริ่มมีการระบาดจนถึงขณะนี้ ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมประมาณ 7 หมื่นคน และรักษาหายกลับบ้านแล้วมากกว่า 4 หมื่นคน ซึ่งเป็นความสามารถของทีมแพทย์ไทย ที่อยู่ในเกณฑ์ระดับโลก เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ รัฐบาลมีนโยบายดูแลคนไทยทุกคนในการรักษาโควิด-19 โดยรัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษาของผู้ป่วย และในกรณีโรงพยาบาลเอกชน จะได้รับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ทุกรายการ