พิธาโชว์ไอเดีย จัดกระดูกรัฐไทย รีดไขมันกองทัพ-ตัดก่อสร้าง-งบส่อทุจริต

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธาชี้รีดไขมันงบประมาณได้มากกว่า 1.6 หมื่นล้าน เพราะงบฯซื้ออาวุธถูกหั่นแค่ 10% แถมโครงสร้างราชการซ้ำซ้อน ไม่บูรณาการ ต้องจัดกระดูกรัฐไทยใหม่

วันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในวาระ 2 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธาน ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเสียงข้างน้อย

ได้อภิปรายเพื่อขอแปรญัตติมาตรา 4 งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เสนอปรับลดงบประมาณภาพรวมจาก 3.1 ล้านล้านบาท เหลือ 3 ล้านล้านบาท ลดลง 1 แสนล้านบาท โดยจะขอปรับลดงบประมาณอะไรบ้างที่ฟุ่มเฟือยลำบากภาษีประชาชน รายจ่ายภาพรวม เป็นโครงการก่อสร้าง ซื้ออาวุธ โต๊ะ ตู้ เตียง ผ้าม่านจนรีดไขมันมาได้ 1.6 หมื่นล้าน แต่คิดว่ายังไม่เพียงพอ ยังไม่ใช่ทางออกประเทศไทย

แต่ทางออกของประเทศไทยคือรื้อโครงสร้างรัฐ เพื่อศักยภาพของประเทศไทยใน 2 ระดับ ทั้งระดับสั้น ระยะยาว ในระดับจุลภาค และระดับมหภาค ทั้งนี้ ในระดับจุลภาคแม้รีดไขมันได้ 1.6 หมื่นล้าน แต่ยังสามารถรีดไขมันเพิ่มได้อีก 3 ประเภท

1.ไขมันที่ไม่ตอบโจทย์วิกฤตที่ประเทศเผชิญอยู่ คือไขมันด้านความมั่นคง ประชาชนต้องการวัคซีนไม่ใช่กระสุน ซึ่งกระทรวงกลาโหมมียุทโธปกรณ์ อาวุธขนาดใหญ่ซึ่งคงไม่ใช้ในเร็ววันนี้ ตัดได้เพียง 3 พันล้าน แค่ 10% ยังเหลือ 90% ที่เป็นไขมัน

“งบฯความมั่นคง ปืนตำรวจ ปืนมหาดไทย บิ๊กดาต้า กอ.รมน.บิ๊กดาต้า บิ๊กดาต้าของตำรวจ กระทรวงกลาโหม ตำรวจมีการสะสมอาวุธปืนเพิ่ม 600 เท่าภายใน 10 ปีที่ผ่านมา จึงยังไม่เห็นความจำเป็นว่าปี 2565 จะมีการจัดซื้อปืนตำรวจไปอีกทำไม”

2.ไขมันเน้นลงสิ่งก่อสร้างมากกว่าลงทุนในชีวิตของคน เช่น ก่อสร้างอาคารสำนักงานจังหวัด งบฯบ้านพักราชการ มีประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ตัดได้แค่พันกว่าล้าน ขณะที่งบฯสวัสดิการประชาชน บัตรสวัสดิการคนจนโดนตัด 2 หมื่นล้าน งบฯประกันสังคมโดนตัด 1.9 หมื่นล้าน 3.ไขมันที่เป็นงบฯมีพิรุธ ราคาสูงกว่าท้องตลาด หรือใบเสนอราคาไม่สมบูรณ์

“ถ้าเรารีดไขมันทั้ง 3 ประเภทนี้ จะตัดงบฯได้อีกหลายหมื่นล้าน สามารถประหยัดความฟุ่มเฟือยของประเทศนี้ลงไปได้” นายพิธากล่าว

นายพิธากล่าวว่า ในระดับมหภาคต้องจัดกระดูกรัฐราชการไทยใหม่ ซึ่งโครงสร้างที่เป็นปัญหาทำให้เกิดความฟุ่มเฟือย และเป็นต้นเหตุ ไม่ว่าเราจะรีดภาษีได้เยอะแค่ไหน ทำงบฯประหยัดโครงการมาอย่างไร แต่ถ้าโครงสร้างมีปัญหาอยู่ ไม่สามารถให้ประเทศไทยไปสู่อนาคตได้

เช่น งบฯซ้ำซ้อน กระจัดกระจาย ลักลั่นไม่ชัดเจน เช่น กระทรวงกลาโหม มีทั้งสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม มีกองบัญชาการกองทัพไทย สำนักปลัดมีกรมพระธรรมนูญ กองบัญชาการกองทัพไทย มีสำนักงานพระธรรมนูญทหาร ทั้งสองหน่วยงานดูแลเรื่องกฎหมายให้ทหาร กรมการเงินกลาโหม กรมการเงินทหาร ก็ดูแลเรื่องการเงินทั้งนั้นเพียงแต่แยกกันอยู่ บุคลากร ทรัพยากรเพิ่ม

หรือกระทรวงคมนาคม มีทั้งกรมท่าอากาศยาน มีบริษัทท่าอากาศยานไทย มีกรมทางหลวง กรมทางหลวงพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งภารกิจคล้ายคลึงกันต่างกัน แบ่งสนามบินกันดูแล ต่างคนต่างทำ ไม่บูรณาการกัน ถ้าได้เข้าไปเป็นรัฐบาลต้องมีการบริหารจัดการ จัดกระดูกตรงนี้ออกมา ไม่ใช่รีดไขมัน แต่เพื่อจัดกระดูกไปด้วยในตัว

นายพิธากล่าวว่า ต้องปรับรัฐไทย เพื่อให้ตอบโจทย์กับวิสัยทัศน์ใหม่กับความปกติใหม่ของโลกหลังโควิด-19 เช่น กระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่หนึ่ง กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่อีกที่หนึ่ง สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อยู่อีกที่หนึ่ง ไม่บูรณาการ มองไม่ครบทั้งห่วงโซ่

หรือราคาสินค้าเกษตร ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ดูราคาข้าว ปาล์ม กระทรวงเกษตรฯ ดูราคายาง กระทรวงอุตสาหกรรม ดูราคาอ้อย เป็นอย่างนี้ด้วยตรรกะอะไร ถ้าให้ครบวงจรให้รอบด้านทุกด้านต้องมารวมอยู่ที่เดียวกันเพื่อให้เป็นเอกภาพ ลดภาระต่อการรีดภาษีประชาชนที่กำลังยากลำเค็ญในช่วงโควิด-19