
การประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ “พรรคสำรอง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังอยู่ในความเงียบ-ถูกกลบด้วยเสียงปี่กลองการรับสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรคตัวจริง-เสียงจริง ยังต้องรอให้พรรครวมไทยสร้างชาติ “จัดบ้านให้เรียบร้อย” อีก 2 เดือน โดยมีไทม์ไลน์ เปิดหน้า-เปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม หลังจากเดินสายทาบทาม-กำรายชื่อบิ๊กเนม-บิ๊กเซอร์ไพรส์ไว้ในมือ เป็นช่วงที่กฎหมายลูกเลือกตั้ง “สะเด็ดน้ำ”
- โปรแกรมแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ซีเกมส์ 2023 แข่งวันไหน
- เปิดสถิติ ยอดขายร้าน 7-Eleven ต่อวัน ลูกค้าเข้าใช้บริการกี่คน ?
- เช็กเบอร์-เปิดรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กทม.รวม 33 เขต จากพรรคการเมืองใหญ่
“ต้องขออภัย บิ๊กเซอร์ไพรส์ขอร้องว่า ให้ผมแต่งตัวพรรคให้หล่อ ๆ ก่อน ทำพรรคให้สมบูรณ์ ให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมที่จะมาในอนาคต ผมตั้งใจเปิดประมาณมิถุนายน กรกฎาคม”
แรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติขอโทษ-ขอโพย หลังจาก “ผู้ใหญ่” ต้องการให้แต่งตัวพรรคให้เรียบร้อยก่อน ให้กลายเป็นพรรคการเมืองที่ใช่-ที่มีความพร้อม ถึงช่วงเวลานั้นการเมืองเห็นหน้า-เห็นหลัง เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทันทีที่ส่งไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพเอเปกในเดือนพฤศจิกายน-นับถอยหลังวันเลือกตั้งใหญ่
พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค” อย่างไม่เป็นทางการ-สนับสนุนเป็น “นายกฯสมัยที่สาม” และประกาศเป็น “พรรคคู่ขนาน” กับพรรคพลังประชารัฐ
“ถ้าพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ รวมไทยสร้างชาติก็จะเป็นพรรคคู่ขนานในการที่จะหาสมาชิก ดีกว่าให้ประชาชนไปเลือกพรรคการเมืองอื่น”
“จุดยืนรวมไทยสร้างชาติชัดเจน ถ้าพลังประชารัฐเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวเท่านั้นนะ อย่ามีสอง มีสาม เราก็พร้อมจะเป็นพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ร่วมกับพลังประชารัฐ”
“จุดขาย” ของพรรครวมใจสร้างชาติมี “ความต่างในความเหมือน” ต่อบรรดา “พรรคปีกขวา” ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี คือ “สานต่อตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรี-พล.อ.ประยุทธ์ได้วางยุทธศาสตร์ไว้”
“ปรพล อดิเรกสาร” 1 ใน 12 กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) กล่าวว่า การทำพรรครวมไทยสร้างชาติ “จริงจังแน่นอน”
“ถ้าไม่จริงจังคงไม่เข้ามา อยู่ที่เดิมไม่ดีกว่าหรือ หรือไปอยู่พรรคอื่นที่เปิดตัวไปแล้ว ซึ่งมีความเชื่อมั่นระดับหนึ่งถึงมา คุณพ่อ (ปองพล อดิเรกสาร) ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว และถือเป็นบิ๊กเนมคนหนึ่ง”
“เดือนกรกฎาคมจะเปิดตัวชุดใหญ่ บางคนยังไม่ลาออกจากสมาชิกพรรคอื่น การเปิดตัวรอบนี้ต้องการให้คนที่เป็นสมาชิกพรรคแล้วมาช่วยกันก่อนในช่วงเปลี่ยนผ่าน เข้ามาจัดบ้านให้เรียบร้อยก่อน ก่อนจะเปิดตัวอีกครั้งของจริง”
การเปิดตัวรอบนี้จึงเปรียบเสมือนเป็น “soft opening” ก่อน “grand opening” ในกรกฎาคม จากนี้จะย้ายที่ทำการพรรค จากนครราชสีมามายัง กทม. ประชุมพรรคทุกวันพุธ ที่ซอยอารีย์
“ตอนนี้กำลังรวบรวมบุคลากรจากหลากหลายอาชีพมาช่วยพรรค มาเป็นคลังสมองให้กับพรรค ทั้งนักวิชาการ อดีตผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ อดีตผู้บริหารธนาคารจะทาบทามให้มาช่วยพรรค”
“ส่วนนักการเมืองอยู่ระหว่างทาบทาม เพราะทุกคนรอดูวันเปิดตัวพรรค หลังเปิดตัว กก.บห.ชุดใหม่ ระหว่างนี้เดินหน้าได้เลย ทำงานได้เลย ถึงจุดหนึ่ง ใกล้ ๆ วัน ก็ถึงจุดลงตัว”
การเล่นไพ่หน้าเดียว-ชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอน-ระเบิดทางการเมืองระหว่างทางที่เป็นระเบิดเวลาอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ-ปมวาระ 8 ปี
“ปรพล” มองว่า “การเมืองก็ต้องเลือกข้าง” และวิเคราะห์จุดขาย-จุดชี้ขาดของพรรคที่จะเฉือนบรรดาพรรคปีกขวาด้วยกันว่า ตอนนี้ทุกพรรคพูดเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นหลัก ทุกพรรคคงไม่แตกต่างกันมาก สุดท้ายอยู่ที่ตัวผู้สมัคร นโยบายอาจจะส่วนหนึ่ง แต่ผู้สมัครต้องมีคุณถาพ มีชื่อเสียง และเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ของตัวเอง ถ้ามีผู้สมัครดี มีนโยบายพรรคที่ดีก็ทำให้สามารถดึงคะแนนนิยมได้ นโยบายไม่ต่างกันเท่าไหร่ ยิ่งยุคนี้ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง สินค้าราคาแพง น้ำมันแพงจะช่วยอย่างไร นโยบายประชานิยมต้องมาอีก
ส่วนกติกาเลือกตั้งบัตร 2 ใบ-คนละเบอร์ “อดีต ส.ส.สระบุรี 2 สมัย” วิเคราะห์ความได้เปรียบ-เสียเปรียบระหว่างพรรคใหญ่-พรรคเล็กว่า
“บัตร 2 ใบคนละเบอร์พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กชอบ เพราะหนึ่ง ไม่ใช่พรรคใหญ่อาจจะส่งไม่ครบ 400 เขต ไม่เสียเปรียบมาก พรรคใหญ่จะชอบเบอร์เดียว 2 ใบ เพราะสามารถหาเสียงได้ง่าย ประชาชนจำง่าย”
“มองได้ 2 แง่ มีทั้งข้อดี ข้อเสีย แต่พรรคเล็กจะชอบบัตร 2 ใบคนละเบอร์มากกว่า ไม่ต้องโดนอิทธิพลกระแสของพรรคใหญ่มากลบ การหาเสียงเขต กับการหาเสียงปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ต้องผูกโยงกัน”
“พรรคใหญ่อาจจะชอบเบอร์เดียว 2 ใบ เพราะพรรคใหญ่มีพลัง มีกระแสนิยมมากกว่า คะแนนของพรรคอาจจะดึงคะแนนของผู้สมัครไปด้วย ซึ่งกระทบพรรคเล็กที่มีผู้สมัครไม่แข็งแรง หรือไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง อาจจะเป็นรองได้”
การตั้งพรรคเล็ก-รวมไทยสร้างชาติ เท่ากับปิดจุดอ่อนพรรคใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ