อนุทิน นับถอยหลัง 11 เดือน เลือกตั้ง ปักธงแคมเปญ “พูดแล้วทำ”

พรรคภูมิใจไทย

อนุทินนำลูกพรรคฉลอง 14 ปี พรรคภูมิใจไทย นับถอยหลัง 11 เดือนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง สั่ง ส.ส.รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ เตรียมรีโนเวตที่ทำการพรรคใหม่ ใช้เวลา 6 เดือน

วันที่ 6 เมษายน 2565 ที่พรรคภูมิใจไทย จัดงานทำบุญพรรคภูมิใจไทย ก้าวสู่ปีที่ 14 โดยมีแกนนำพรรค รัฐมนตรีของพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรคมาร่วมงานอย่างคึกคัก ขาดเพียงแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ทรงศรี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

โดยมีการจัดพิธีทางศาสนาทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีทางศาสนาอิสลาม เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยเอทีเคก่อนเข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังใส่เสื้อสีน้ำเงินที่สกรีนข้อความด้านหลังว่า “พูดแล้วทำ”

ขณะที่มีตัวแทนพรรคการเมือง อาทิ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา นายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคชาติพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย อีกทั้งยังมีตัวแทนภาคเอกชนนักธุรกิจ นำกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดี

หลังจากจากเสร็จพิธีทางศาสนา นายอนุทินได้เป็นประธานคิกออฟการเปิดรับสมัครผู้สนใจเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ผ่านทางเว็บไซต์ระบบออนไลน์ของพรรค นายอนุทินแถลงว่า พรรคภูมิใจไทยเริ่มเข้าสู่วัยทีนเอจในปีที่ 13 เข้าสู่ปีที่ 14 ซึ่งเราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับใช้ชาติและประชาชนท่ามกลางเหตุการณ์มากมาย และคำสบประมาท คำปรามาท ด้อยค่ามากมายในช่วงที่เราตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ ๆ ท่ามกลางการด้อยค่าทั้งหลาย แต่ทุกคนในพรรคก็ร่วมต่อสู้ไม่ท้อถอย

สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าอยู่ไหนเราจะต้องเพื่อประโยชน์ให้บ้านเมือง ประชาชน สุดความสามารถ เราเริ่มจากเจตนารมย์แรกคือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เราก็ยังมุ่งมั่นในเจตนารมย์นี้อยู่ เราจะไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่ จาบจ้วงสถาบัน จากนั้นก็มาที่เจตนารมย์ ประชานิยมสังคมเป็นสุข ต่อด้วยสงบ สันติ สามัคคี ที่ทุกคนเห็นว่าไม่มีวินาทีไหนที่พรรคจะแปรผันไปจากเจตนารมย์ หรือนโยบายพรรคที่เราร่วมกันทำมา

จนการเลือกตั้งล่าสุดปี 2562 เราเดินหน้านโยบาย เพื่อปากท้องประชาชน ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน และได้รับความไว้ใจเชื่อมั่นจากประชาชน เลือกให้พรรคมี ส.ส. ในจำนวนที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีความแข็งแกร่ง เข้มแข็ง มีพลังเพียงพอที่จะผลักดันทุกนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนได้ 3 ปีที่ผ่านมาเราพูดแล้วทำ

“จากนี้เราเป็นพรรคหนึ่งที่จะทำประโยขน์ให้ประชาชน โดยใช้ผลงานสร้างความมั่นใจ พร้อมให้ประชาชนพิสูจน์แล้ว ไม่ว่ารัฐบาลจะมีความมั่นคง หรือมีอุปสรรคใด ไม่ว่าสภาจะมีสิ่งใด ๆ เกิดขึ้น แต่สภาชุดนี้ก็จะครบวาระในวันที่ 22 มี.ค. 2566 ครบ 4 ปี เราทำงานมาเข้าปีที่ 4 แล้ว เราจะไม่พูดว่าสภา หรือรัฐบาลเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ทำงาน ทำงาน พูดแล้วต้องทำให้เกิดผลสำเร็จกับประชาชน ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ต้องทำให้สำเร็จ อีก 11 เดือนต่อจากนี้คงไม่ลากไปนานกว่านี้แล้วก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เราก็พร้อมขับเคลื่อนนโยบายคู่ขนานไป” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายทางการเมืองจากนี้ไป เราต้องใช้ผลงานที่เรามีเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยใช้คนที่เข้าใจวิถีชีวิตประชาชน กล้าพูด กล้าทำ และกล้ารับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพื่อให้เราได้สานงานที่ทำมาแล้วไปสู่จุดที่สมบูรณ์ที่สุด

รวมถึงเพิ่มสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในนโยบายโครงการต่าง ๆ ยืนยันเราให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาค แม้เราไม่ส่งผู้ว่าฯ กทม. แต่เราส่ง ส.ส.กทม. แน่นอน รวมถึงส่ง ส.ก. ด้วย ในจำนวนที่เรามี ส.ส.กทม. อยู่ 4 ราย ก็คือจะส่ง ส.ก. จำนวน 4 เขต เพื่อเป็นปากเสียงให้ประชาชน ขณะที่การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทย จะส่ง ส.ส.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนที่เคยทำมา โดยเน้นไปที่พื้นที่ที่เรามีความแข็งแกร่ง

พร้อมทั้งมีการเปิดเว็บไซต์ เพื่อเปิดให้ผู้ที่สนใจมาสมัครเป็น ส.ส. ของพรรค หากใครคิดว่ามีความสามารถ ทุ่มเท พร้อมรับใช้บ้านเมือง และประชาชน ก็สามารถสมัครเข้ามาได้ทันที จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเป็นผู้แทนของพรรคภูมิใจไทย

“ไม่ว่ารัฐบาลมีความมั่นคงหรืออุปสรรค แต่สภาชุดนี้ก็ครบวาระ 24 มีนาคม 2566 เราร่วมทำหน้าที่ในฐานะพรรคการเมือง มี ส.ส. ในสภา เป็นปีที่ 4 มีแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นใน 11 เดือน ในปีนี้ ประชาชนจะได้ยิน ได้เห็นคำว่า ภูมิใจไทยพูดแล้วทำจนติดูติดตา บางครั้งพรรคภูมิใจไทยพูดไม่เก่ง พูดไม่เข้าหูบ้างโดยเฉพาะหัวหน้าพรรค แต่เราพร้อมพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง 11 เดือนสุดท้าย ขอให้ผู้สมัครของเรารายงานสถานะในพื้นที่ตลอดเวลา เพื่อที่จะให้แกนนำพรรคได้เตรียมความช่วยเหลือ หรือลงไปช่วยผู้สมัครในพื้นที่

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการประเมินตัวเลข ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า พรรคจะส่งผู้สมัครให้มากที่สุด คือครบทั้งระบบแบ่งเขต 400 คน และระบบัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะนี้เรามีจำนวนผู้สมัครเกินกว่า 200 เขตแล้ว

ทั้งนี้พรรคยังเปิดกว้างให้ประชาชนที่มีคุณสมบัติ ลงรับสมัคร ส.ส. และเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของพรรค โดยเฉพาะการพูดแล้วทำ ก็ขอให้มาร่วมลงสมัครในนามพรรค ทั้งมาสมัครได้ที่ที่ทำการพรรค และเว็บไซต์ของพรรค ยืนยันว่าไม่มีการปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ส่วนจะตั้งเป้าให้ได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. เท่าไหร่นั้น พรรคก็คาดหวังว่าจะให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดอยู่ที่ฉันทานุมัติจากประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภูมิใจไทยยังเตรียมแผนที่จะรีโนเวตที่ทำการพรรคใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยจะเริ่มปรับปรุงหลังสงกรานต์ โดยใช้เวลา 6 เดือน