รัฐบาล-ฝ่ายค้านจัดทัพเลือกตั้ง คำนวณ ส.ส.-วางแผนชิงนายกรัฐมนตรี

นำ

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เหลือเวลาอีกไม่เกิน 11 เดือนหลังจากนี้ พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล-พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ขยับจัดทัพ-วางยุทธศาสตร์ “ปักหมุด” เตรียม “จัดทัพ” รับเลือกตั้งใหญ่

พรรคการเมืองใหญ่-พรรคการเมืองขนาดกลาง-พรรคการเมืองขนาดเล็ก พาเหรดกันประชุมใหญ่ประกาศชัยชนะ-การันตีเก้าอี้ ส.ส.ล่วงหน้า นอกเหนือจากการประชุมตามวงรอบ ตามกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง

พปชร.สกัดแลนด์สไลด์

พลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคแกนนำรัฐบาล ที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าพรรค “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังมีใจ อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค แต่การสูญเสีย 16 ส.ส. “ก๊วนธรรมนัส” จากเหตุการณ์ “กบฏ 19 มกราฯ” ส่งผลให้ “ลดทอนกำลัง” ลงไปไม่มากก็น้อย

ขณะที่ “ขุมกำลังหลัก” ที่เหลืออยู่ มีการ “จัดทัพใหม่” แต่งตั้ง “สันติ พร้อมพัฒน์” เป็น “แม่บ้านพลังประชารัฐ” และ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น เป็น “ผู้อำนวยการพรรค” ปักธง 150 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อสกัด “แลนด์สไลด์” โดยมี สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น ประธานยุทธศาสตร์พรรค

นอกจากนั้นยัง “เสริมทัพ” บิ๊กทหาร “สายตรง” พล.อ.ประวิตร “เสธ.โย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน กรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และ “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคอีสานตอนบน เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค

รวมถึงการดึง “นักเศรษฐศาสตร์” มาร่วมทีมเศรษฐกิจ และเตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ “พล.อ.ประวิตร” ได้ส่งเทียบเชิญ “ชาติชาย พยุหนาวีชัย” อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มาเป็น “มือเศรษฐกิจ” ทำนโยบายเศรษฐกิจให้กับพรรค จนถูกจับโยงไปถึงสัญญาณการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ก็เงียบหายไป

ฟากพรรคเพื่อไทย บทบาทของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศว่า “เราจะทำทุกอย่างให้เป็นรูปธรรมหลังวันที่รัฐบาลประกาศยุบสภา” พร้อมขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์ 253 เสียง

“อุ๊งอิ๊ง” ส่งการบ้าน 5 ข้อ ประหนึ่งนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งใหญ่ ในอีก 11 เดือนข้างหน้า ที่ฉายออกมาก่อนเป็น “ทีเซอร์”

ข้อ 1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและกระจายอำนาจสู่ระดับประชาชน 2.จะดึงศักยภาพของคนไทย โดยใช้ soft power 1 คนต่อ 1 ครอบครัว ซึ่งรวมแล้ว 16 ล้านครอบครัว ถ้าหาศักยภาพของเขาเจอ จะได้มีแรง มีค่าแรงเพิ่มขึ้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้น

3.ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการเกษตร เพื่อการวิเคราะห์แม่นยำและเกิดผลผลิตสูงที่สุด 4.ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชน ด้วย digital transformation ครั้งใหญ่ 5.เตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค Metaverse โลกเสมือนจริงจะนำโลกที่เป็นจริง

เพื่อไทย ฝันค้าง 253 เสียง

ทว่าอีกด้านหนึ่งกลับมีปรากฏเหตุการณ์ คนที่ออกมาประกาศแยกทาง คนแรก คือ “การุณ โหสกุล” ส.ส.กทม. จะไปอยู่ไทยสร้างไทย ขณะที่ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ส.ส.กรุงเทพฯ มือขวาของ “คุณหญิงสุดารัตน์” แม้ยังไม่ประกาศชัดเจน แต่รู้กันภายในว่าอยู่ยาก และเพื่อไทยก็เตรียมหาคนลงแทนไว้แล้ว

เอฟเฟ็กต์ ไทยสร้างไทย ยังส่งผลไปถึงการจัดตัวลง ส.ส.ในขอนแก่น ซึ่งมี สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น เขต 8 ลูกสาวพงศกร อรรณนพพร แกนนำพรรคไทยสร้างไทย และบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น เขต 10 น้องชายพงศกร

แม้ในตอนแรกมีข่าวว่าจะขออยู่ในนามพรรคเพื่อไทย แต่ ณ ขณะนี้ รู้กันภายในพรรคเพื่อไทยแล้วว่า ถูกตัดชื่อไม่ให้ไปต่อ เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่าง พงศกร กับ “สรัสนันท์-บัลลังก์” ทำให้เพื่อไทยตอบสังคมยาก ดังนั้นจะมีการเจรจาตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการหลังเปิดสมัยประชุมสภา

เช่นเดียวกับ จักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี เขต 6 น้องชาย ต่อพงษ์ ไชยสาส์น แกนนำพรรคไทยสร้างไทย

นครพนมก็ยังมีปัญหาในการจัดตัว ส.ส. เพราะมีการหาคนเข้ามาเสียบแทน ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม แต่สุดท้ายกลุ่มนักรบห้องแอร์พรรคเพื่อไทย เตรียมจับ ส.ส.ที่ไม่ขอขึ้นตรงกับอำนาจนำในปัจจุบัน ไปเก็บไว้ใน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แทน

สาเหตุของการกวาดล้างครั้งนี้ ทำสั่นสะเทือนไปทั่วภาคอีสาน เนื่องจากการแบ่งเขตใหม่ ตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่ปรับจาก 350 เขตเลือกตั้ง เป็น 400 เขตเลือกตั้ง โดยภาคอีสานเพิ่มขึ้นมามากที่สุด 16 ที่นั่ง

ด้วยความที่อีสานมีเขตเพิ่มเติม มีคนขอลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น หลัง “ทักษิณ” ประกาศเอาจริง ประกอบกับมี ส.ส.บางพวกมีประวัติแข็งข้อ ดังนั้น สายตรงดูไบ-นักรบห้องแอร์ จึงต้องส่งลูกน้องเข้ามาเคลียร์คัต หาตัวตายตัวแทน จึงเกิดการวิ่งเต้น-สลับคนเก่าไปอยู่ปาร์ตี้ลิสต์แทน

แต่ก็มี ส.ส.จำนวนไม่น้อยที่ไม่แคร์การถูกกวาดล้าง เพราะมีบ้านหลังใหม่ที่พวกเขาเชื่อว่าดีกว่าพรรคเพื่อไทย เช่น จ.ศรีสะเกษ มี 3 คนที่ย้ายไป นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ

โดยมีความเกี่ยวดองทางเครือญาติ บ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ซึ่งนามสกุลนี้เกี่ยวโยงกับ วิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ พ่อของ “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โควตาพรรคภูมิใจไทย

ส.ส.อีกหนึ่งคนของศรีสะเกษ คือ “ผ่องศรี แซ่จึง” ซึ่งเป็นภรรยาของนายปวีณ แซ่จึง อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ก็เตรียมเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย

ภท.ขาดไม่ได้-ปชป.ล้างขั้วจุรินทร์

พรรคตัวแปรสำคัญ อย่างภูมิใจไทย (ภท.) ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง 65 เสียง หลังจากได้ “บ้านใหญ่ช่างเหลา” อย่าง เอกราช-วัฒนา ช่างเหลา มาร่วมชายคา จนกลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ “ขาดไม่ได้”

ตลอด 3 ปี ภูมิใจไทย “สะสมกำลัง” กวาดต้อนนักการเมืองเกรด A และ “งูเห่า” เข้าร่วมสังกัด “เป็นกอบเป็นกำ” สร้างขวัญ-กำลังใจ กลายเป็น “เสียงคำราม” ของเสี่ยหนู ในวาระการประชุมใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 100 ที่นั่ง

ด้วยสไตล์เสี่ยหนู “ใจถึง พึ่งได้” ภูมิใจไทย จึงกลายเป็น “พรรคเนื้อหอม” ที่สุด จนมี ส.ส.หลากขั้วค่าย ต้องการหนีร้อนมาพึ่งเย็น-ร่วมทัพเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่ง “อนุทิน” ประกาศกลางทำเนียบรัฐบาลแล้วว่า จะถือธงนำทัพเลือกตั้งด้วยตัวเองในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ค่ายสีน้ำเงิน

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) “ยังกู่ไม่กลับ” หลังจากเผชิญวิกฤต “ปริญญ์เอฟเฟ็กต์” เขย่าเก้าอี้หัวหน้าพรรค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จนเลือดไหลออกอีกระลอก และกำลังจะเดินเข้าสู่ทางตัน

หลังจากเกิดวิกฤต คดีปริญญ์ นักการเมืองเบอร์ใหญ่อย่าง “วิทยา แก้วภราดัย” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช 8 สมัย ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค รวมถึง “กนก วงษ์ตระหง่าน” รองหัวหน้าพรรค ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว “ไขก๊อก” จากกรรมการบริหารพรรค

นอกจากนี้ยังมี 7 กรรมการบริหารพรรค “พลังหญิง” นำโดย “รัชดา ธนาดิเรก” และ นางเจิมมาศ จึงศิริ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ รองเลขาธิการ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ นางสุพัชรี ธรรมเพชร เปิดช่องพร้อมจะลาออกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ยิ่งนับวัน “เหยื่อปริญญ์” ออกมาแจ้งความเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงเรียกร้องให้ “จุรินทร์” แสดงความรับผิดชอบ ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

แต่คงไม่ง่ายที่ “จุรินทร์” จะลุกออกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค เพราะต้องแลกกับตำแหน่งในการนำพรรค-ฝ่ายบริหาร

พรรคใหม่ไม่ได้เกิด

ขณะที่ “พรรคเล็ก” อย่างพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ขอโหนกระแสพรรคใหญ่ อัพจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ให้เป็นพรรคขนาดกลาง 25 ที่นั่ง โดยชู “คนรุ่นใหม่” ถือธงนำทัพเลือกตั้ง ส่วน “คนรุ่นใหญ่” ถอยไปเป็นแบ็กอัพ

นับรวมพรรคเศรษฐกิจไทย (ศกท.) ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค เตรียมเปิดตัว “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ภายในเดือนเมษายน หลังจากพรรคพี่-พลังประชารัฐ จ่อที่จะเปิดตัวไปแล้วเช่นเดียวกัน ขณะที่ 16 ส.ส.เศรษฐกิจไทย ปูพรมลงพื้นที่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง-เก็บคะแนน ส.ส.เขต เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งทุกชั่วโมง

ขณะที่ “พรรคน้องใหม่” อย่าง “สร้างอนาคตไทย” ที่เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างเป็นทางการไปแล้ว ปลุกกระแสด้วยการชู “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” หวังขี่กระแส “อดีตแม่ทัพเศรษฐกิจ” ในยุคไทยรักไทย-กุนซือทักษิณ กวาดเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เข้าป้ายร่วมรัฐบาล

ส่วนพรรคกล้า ของ “กรณ์ จาติกวณิช” เตรียมประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 30 เมษายน 2565 เปิดตัวนักการเมืองรุ่นใหญ่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” เป็นประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ

ส่วน “พรรคใหม่” อย่าง พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังต้องรอลุ้น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะตกปากรับคำนั่งเป็น “หัวหน้าพรรคสำรอง” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ในเดือนกรกฎาคม หากไม่มี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” อาจจะ “ไม่ได้แจ้งเกิด” อย่างที่ “จั่วหัว”