ไรมอนแลนด์เผย Q3 ผลดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น 75% มั่นใจพร้อมเทิร์นอะราวนด์ปี’66

Tait Sathorn

RML-ไรมอน แลนด์ ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ เผยผลดำเนินงาน Q3/65 ขาดทุนลดลง 75% เมื่อเทียบกับ Q2/65 ชี้แนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น จากส่วนแบ่งกำไรโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ คอนโดฯอัลตร้าลักเซอรี่ที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ ประกาศปี’66 มุ่งมั่นดันผลประกอบการ ‘เทิร์นอะราวนด์’ จากกลยุทธ์ Asset Light ช่วยลดต้นทุน ลดดอกเบี้ย เตรียมเปิดบริการออฟฟิศบิลดิ้งเกรดเอสูงที่สุดในไทย ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ เพื่อหนุนฐานรายได้ประจำให้มีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง พร้อมปักธงเปิด Branded Residences อีก 2 โครงการ

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ขาดทุน 47.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากไตรมาส 2/65 ที่ขาดทุน 193 ล้านบาท บริษัทมีรายได้จากแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) โครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม และมีรายได้ประจำจากค่าบริหารโครงการ และค่าธรรมเนียมการตลาด

กรณ์ ณรงค์เดช
กรณ์ ณรงค์เดช

ส่วนผลประกอบการดีขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจากส่วนแบ่งกำไรคอนโดมิเนียม ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ระดับอัลตราลักเซอรี่หนึ่งเดียวใจกลางถนนสุขุมวิท ที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3/65 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด ปัจจุบันมียอดขายแล้วถึง 75% และเริ่มมีการทยอยโอนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะทำยอดโอนได้ 2,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้

ส่วนอีกหนึ่งโครงการภายใต้การร่วมทุนกับโตเกียว ทาเทโมโนะ แบรนด์ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดมิเนียมลักเซอรี่ ใจกลางสาทร มียอดขายแล้ว 85% ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของไรมอน แลนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญยาวนานกว่า 35 ปี และโตเกียว ทาเทโมโนะก็เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทจะทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) ล่าสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทมีแบ็กล็อกมูลค่า 6,100 ล้านบาท จากโครงการ “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน มูลค่า 2,700 ล้านบาท และแบ็กล็อกโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์” มูลค่า 3,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในปี 2566

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ไรมอนแลนด์มุ่งมั่นกลยุทธ์การเทิร์นอะราวนด์ ให้รับรู้รายได้เร็ว สร้างสมดุลและกระจายรายได้ทั้งอสังหาฯ และรายได้ประจำมากขึ้น โดยต้นปี 2566 เตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอที่สูงที่สุดในไทย “วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์” บนทำเลศักยภาพติดบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งเป็นเมกะโปรเจ็กต์ร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ กับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น คาดว่าหลังจากเปิดให้บริการจะเป็นปัจจัยหนุนให้ ไรมอน แลนด์ มีรายได้ประจำและกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income)

นอกจากนี้ ไรมอนแลนด์ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ธุรกิจ Asset Light โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของที่ดิน นำที่ดินมาพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบ Branded Residence 2 แห่ง โดยปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายบริษัทอยู่ที่ 8,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี สำหรับการลงทุนเปิดโครงการต่าง ๆ นั้น บริษัทมีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน การหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนในโครงการ และการออกหุ้นกู้ โดยบริษัทได้ยื่นไฟลิ่งสำหรับการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ซึ่งจะขายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และมีแผนออกหุ้นกู้ครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 400 ล้านบาท ภายในปลายปี 2565


ทั้งหมดนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี และได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกับหุ้นกู้ที่ออกเมื่อช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมาที่มีมูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท และสามารถขายหมดอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท