ยุคโควิด “บ้านหรู” โตต่อเนื่อง 3 ปี

บ้านเดี่ยว CBRE
ภาพประกอบข่าว : ทวิตเตอร์ @CBRE Thailand

โควิดอยู่กับประเทศไทย 2 ปีเต็ม (2563-2564) สินค้าที่อยู่อาศัยโดดเด่นมากที่สุดก็คือ บ้านเดี่ยวระดับบน

ข้อมูลจาก “อาทิตยา เกษมลาวัณย์” หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยโครงการซีบีอาร์อี ประเทศไทยปี 2564 สามารถผลักดันยอดขายทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมรวมกัน 12,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นยอดขายคอนโดฯ 42% บ้านหรู 39% ที่พักอาศัยตากอากาศ 19%

บ้านหรูดีต่อเนื่อง 3 ปีติด

จุดโฟกัสอยู่ที่สัดส่วนยอดขายบ้านหรู 39% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 69% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หมายความว่าตลาดบ้านหรูเฟื่องฟูตั้งแต่ปี 2562-2563-2564

ด้านยอดขายคอนโดมิเนียมที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนก็เพิ่มขึ้น 29% จากปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกของสถานการณ์โควิด

ขณะที่ยอดขายอสังหาฯตากอากาศในปี 2564 ลดลง 4% เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะมีโครงการจำนวนไม่มากนัก และไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่

สำหรับความต้องการซื้อที่พักอาศัยเพื่ออยู่เองของลูกค้าคนไทย ซึ่งเป็นพฤติกรรมของ “ลูกค้าเรียลดีมานด์” มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น และมีการทำงานที่บ้าน (work from home) มีพฤติกรรม 1.ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น 2.ศึกษาหาข้อมูลเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจซื้อ 3.ใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น

ลูกค้าจีนมองหา 30-400 ล้าน

ทั้งนี้ “ตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง” มีจุดขายตั้งอยู่บนทำเลเดินทางสะดวกมีดีมานด์สูงตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยปี 2564 ซีบีอาร์อีปิดการขายราคาเฉลี่ยหลังละ 56 ล้านบาท ในขณะที่ราคาสูงสุดปิดการขายที่หลังละ 267 ล้านบาท

“นอกจากตลาดลูกค้าคนไทยแล้ว มีดีมานด์จากนักลงทุนชาวจีนให้ความสนใจลงทุนราคาตั้งแต่ 30-150 ล้านบาท บางรายมีความต้องการบ้านเดี่ยวราคา 300-400 ล้านบาทก็มี”

จุดเน้นของลูกค้าจีนนิยมบ้านบนเนื้อที่ขนาดใหญ่ มีสวนกว้าง มีพื้นที่ใช้สอยเปิดโล่ง เพดานสูงโปร่ง ภายในห้องมีขนาดใหญ่ สามารถจอดรถได้หลายคัน มีสระว่ายน้ำส่วนตัว และตกแต่งสวยงามแบบพร้อมเข้าอยู่

ซื้อขายที่พัก

Branded Residence เฟื่องฟู

ส่วนตลาดห้องชุด ภาพรวมตลาดยังคงดูไม่คึกคัก ทำยอดขายคอนโดฯเพิ่มขึ้น 106% จากโครงการระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคา 350,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป หรือ 20 ล้านบาท/ห้องขึ้นไป

จุดขายนอกจากทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ยังต้องมาพร้อมการบริการและบริหารโดยแบรนด์โรงแรมชั้นนำ หรือ branded residence ซึ่งซัพพลายหน่วยงานในโครงการระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ยังมีจำนวนจำกัด

โดยคอนโดฯ ราคาต่อยูนิตสูงสุดที่ซีบีอาร์อีปิดการขายอยู่ที่ 220 ล้านบาท/ยูนิต ขณะที่ราคาต่อตารางเมตรสูงสุดปิดการขายที่ 479,000 บาท/ตารางเมตร

unseen ด้านยอดขายคอนโดฯ ทางซีบีอาร์อีแนะนำว่ามาจากยอดขายโครงการบนทำเลใกล้สถานศึกษา ซึ่งในสายตาลูกค้าซื้อเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่ามองว่าสามารถให้ผลตอบแทนค่าเช่าที่ดีในระยะยาว ไฮไลต์สำคัญเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคต

ท็อป 3 “จีน อเมริกัน ดัตช์”

ส่วนตลาดที่พักอาศัยตากอากาศ ในปี 2564 ลดความร้อนแรงลง เทียบกับปี 2563 จบผลงานด้วยยอดขายเติบโต 388% (จากปี 2562)

เหตุผลส่วนหนึ่งที่ปี 2564 บ้าน-คอนโดฯ ตากอากาศยอดขายอ่อนแรงลง มาจากไม่มีโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลชั้นนำอย่าง “พัทยา เขาใหญ่ เชียงใหม่ หัวหิน”

สรุปสุดท้ายที่ตลาดลูกค้าชาวต่างชาติที่เป็นกำลังซื้อระดับบน พบว่า สัดส่วนยอดขายมาจากคอนโดฯ 41% บ้านเดี่ยว 35% และบ้านตากอากาศ 24% โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ ชาวจีน 38% อเมริกัน 18% และดัตช์ 9%