
เวิร์คพอยท์ ปรับแผนถอยทัพจากตลาดละครโทรทัศน์อีกครั้ง คาดต้นทุนลด 100-150 ล้านบาท แต่รายได้กลุ่มรายการโทรทัศน์ยังหดตัวต่อเนื่อง แล้วแผนธุรกิจที่จะเป็น Next Step และแหล่งรายได้ชดเชยจะมาจากไหน ?
เมื่อพูดถึง ‘ช่องเวิร์คพอยท์’ ภาพจำสำคัญ คือ เนื้อหาบันเทิง เนื้อหาวาไรตี้ที่มีความสนุกสนาน มีคุณภาพ และครองใจคนมาแล้วหลายยุคหลายสมัย รวมถึงคอนเทนต์ละคร ที่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้ชมทางออนไลน์เป็นอย่างดี
แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่น่าสนใจและถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อเวิร์คพอยท์ ตัดสินใจเลิกผลิตละครอีกครั้ง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป หลังรื้อฟื้นกลับมาผลิตละครอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี 2565
ยกเลิกละครเวิร์คพอยท์ พูดถึงครั้งแรกเมื่อไร ?
แผนการยกเลิกผลิตละครของเวิร์คพอยท์ มีการพูดถึงครั้งแรก เมื่อครั้งงาน Opportunity Day ไตรมาส 2/2567 ระบุว่า จะมีการยกเลิกผลิตและออกอากาศละครทางช่องเวิร์คพอยท์ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าทำให้ต้นทุนลดลงได้ 100-150 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับการปรับโครงสร้างองค์กร ควบคู่กันไปด้วย
ขณะที่ละครที่ยังคงเหลืออยู่ นั่นคือ ‘แซด พาวเวอร์’ ทางสถานี วางช่วงเวลาให้ออกอากาศรวดเดียว 7 วัน จันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2567
เวิร์คพอยท์ และการผลิตละคร
แม้ว่าละครของเวิร์คพอยท์ จะมีการเผยแพร่ทาง OTT Platform ควบคู่ไปด้วย แต่ความนิยมส่วนใหญ่ในการรับชม จะอยู่ที่แพลตฟอร์มออนไลน์ ขณะที่ทางโทรทัศน์ สามารถทำเรตติ้งได้เพียงแค่ตัวเลข 1 ถึง 2 เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เวิร์คพอยท์ มีการผลิตละครมาแล้ว และเริ่มออกอากาศเมื่อตุลาคม 2557 ด้วยเรื่อง ‘เกมริษยา’ ออกอากาศในช่วงค่ำของวันอาทิตย์ ก่อนจะมีการย้ายเวลาไปเป็นวันจันทร์-อังคาร และกลับมาออกอากาศในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จนถึงเรื่องสุดท้าย ‘คู่ซี้ผีมือปราบ’ เมื่อมีนาคม-พฤษภาคม 2561 แล้วได้มีการยุบช่วงเวลาละครยาว คงเหลือการผลิตละครซิตคอม ซึ่งเป็นสิ่งที่เวิร์คพอยท์ถนัด
และช่วงปี 2564-2565 ได้มีการรื้อฟื้นผลิตละครอีกครั้ง โดยได้ โจ้-วิรัตน์ เฮงคงดี โปรดิวเซอร์และผู้กำกับที่ทำงานร่วมกับเวิร์คพอยท์มายาวนาน นั่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ละครเวิร์คพอยท์ พร้อมกับการวางโจทย์ให้ละครของเวิร์คพอยท์ ให้เป็นละครที่ไม่ Toxic ดูได้ทั้งครอบครัว ประเดิมละครเรื่องแรกด้วย ‘นางนาค สะใภ้พระโขนง’ ออกอากาศครั้งแรก ปี 2566 และได้รับเสียงตอบรับจากโลกออนไลน์เป็นอย่างดี
ก่อนจะตามมาด้วยละครที่ได้รับเสียงตอบรับบนโลกออนไลน์ และ OTT Platform ได้อย่างดี เช่น นางทาสหัวทอง ผู้ใหญ่ลีศรีบานเย็น เมืองลับแล เพลงลำคำเขื่อนแก้ว เป็นต้น โดยบางเรื่องสามารถได้ขึ้นเป็นคอนเทนต์ที่มีคนเข้าดู 10 อันดับแรก ในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ด้วย
มองรายได้กลุ่มทีวี ไตรมาส 3 ปี 2567
รายได้ล่าสุดของเวิร์คพอยท์ ในกลุ่มธุรกิจรายการโทรทัศน์ ช่วงไตรมาส 3/2567 (ก.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 387 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 24% (ไตรมาส 3/2566 รายได้อยู่ที่ 506.5 ล้านบาท) ส่วนกำไรขั้นต้น ช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 87 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 126.2 ล้านบาท
ขณะที่รายได้ภาพรวม 9 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 1,188.2 ล้านบาท ลดลงจาก 9 เดือนของปี 2566 ที่ 17% (9 เดือนปี 2566 รายได้อยู่ที่ 1,427.2 ล้านบาท) กำไรขั้นต้น 9 เดือนปี 2567 อยู่ที่ 294.4 ล้านบาท ลดลงจาก 9 เดือนปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 436.6 ล้านบาท
ปัญหาหลัก มาจากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง โดย สุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินการลงทุน บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ให้มุมมองว่า เม็ดเงินโฆษณาในช่วงไตรมาส 4 ยังลดลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ามีผลต่อเนื่องถึงปี 2568 จนถึงมีผลต่อรายได้โฆษณาของบริษัท ลดลง 5-10% เมื่อเทียบกับรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดในปี 2567
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากการขายโฆษณารายการโทรทัศน์ ตลอดปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ส่วนปี 2568 คาดว่ารายได้ขายโฆษณา อยู่ที่ 1,100-1,150 ล้านบาท ส่วนรายได้ภาพรวมธุรกิจรายการโทรทัศน์ ทั้งทีวีและออนไลน์ คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท
สำหรับผลกำไร-ขาดทุนในภาพรวมของไตรมาส 3 ปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 17.34 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งกำไรสุทธิ 14.72 ล้านบาท
นักวิเคราะห์คาด Q4 กำไรยังอ่อนแอ
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดการณ์ผลประกอบการ ไตรมาส 4/2567 ของเวิร์คพอยท์ มองว่ายังมีแนวโน้มอ่อนแอจากภาวะอุตฯ สื่อทีวีโดยรวมยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนจากอดีต (ใช้เวลาดูทีวีลดลง) นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนตัวพิธีกรหลักในบางรายการ คาดมีผลขาดทุนต่อเนื่อง
ปรับประมาณการกำไรปี 24F-26F ลงจากเดิมเป็น 14 ล้านบาท -4 ล้านบาท และ 17 ล้านบาทตามลำดับ (เดิม 27 ล้านบาท 34 ล้านบาท และ 45 ล้านบาทตามลำดับ) จากการปรับรายได้ค่าโฆษณาลง -6% ถึง -11% และรายได้จัดคอนเสิร์ตลง -30% ถึง -38%
Next Step แหล่งรายได้ใหม่
สำหรับแผนธุรกิจของกลุ่มรายการโทรทัศน์ บริษัทระบุว่า จะเน้นการผลิตรายการแบบสั่งตัด (Tailor-Made) โดยทำงานร่วมกับลูกค้า สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อผลิตรายการที่ตรงความต้องการมากขึ้น ทั้งรายการโทรทัศน์ และกิจกรรม On-Ground หนึ่งในรายการกลุ่ม Tailor-Made ที่ประสบความสำเร็จ คือ รายการ Genwit ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทบางจาก และได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างดี
ขณะที่แผนต่อไปของกลุ่มธุรกิจรายการโทรทัศน์ จะเพิ่มสัดส่วนรายการ Tailor-Made และขายแพ็กเกจแก่ลูกค้าในรูปแบบดังกล่าวให้มากขึ้น ครอบคลุมรายการและกิจกรรม เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลง และนำรายการต่าง ๆ กระจายเข้าแพลตฟอร์ม OTT ชั้นนำ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ใหม่ นอกจากการเผยแพร่ออนไลน์ผ่านทางยูทูบ
โดยตั้งเป้านำรายการเข้าแพลตฟอร์ม OTT ปีละ 2-3 รายการ คาดรายได้อยู่ที่ประมาณ 20-25 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ รายได้จากการนำรายการขึ้นแพลตฟอร์ม OTT จะเฉลี่ยตามอายุสัญญาที่ทำไว้ในแต่ละรายการ
อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจ คือ การสร้างรายได้จากการพัฒนาศิลปิน ซึ่งปัจจุบันเวิร์คพอยท์มีแหล่งรายได้ใหม่ และเริ่มขยายตัวมากขึ้น นั่นคือ การพัฒนาและบริหารศิลปิน โดยเฉพาะค่ายเพลง XOXO Entertainment ที่มีทั้งเกิร์ลกรุ๊ป 4EVE (โฟร์อีฟ), ATLAS (แอทลาส), JustmineNika (จัสมินณิก้า) โดยล่าสุดได้เปิดตัวศิลปินใหม่ XOXO New Gen ทั้งหมด 24 คน และจะมีการสร้างผลงานต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ามีรายได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท ใน 3 ปี
รวมถึงการร่วมมือพันธมิตร สร้างแบรนด์สินค้าใหม่ ร่วมกับศิลปิน เช่น น้ำหวาน ตรา เฮลโหลบอย (Hello 4EVE) ซึ่งพัฒนาร่วมกับกลุ่มศิลปิน 4EVE โดยมีแผนที่จะพัฒนาแบรนด์สินค้ากับพันธมิตรเพิ่ม และตั้งเป้าปี 2568 มีรายได้ไม่น้อยกว่า 20-30 ล้านบาท
ส่วนแผนธุรกิจในกลุ่มอื่น ๆ มีทั้งการตั้งเป้าผลิตภาพยนตร์ร่วมกับ Karman Line และ JUNGKA อย่างน้อยปีละ 3 เรื่อง เพิ่มสัดส่วนรายการออนไลน์ จนถึงลุยธุรกิจด้านการจัดคอนเสิร์ต เสริมฐานแฟนคลับศิลปินในสังกัด และการรับจ้างจัดคอนเสิร์ต